นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนตรง
เริ่มเข้าสู่วันใหม่อีกวัน เสียงโทรศัพท์ข้างเตียงดังจนเมธาวีต้องกดรับสาย
“สุขสันต์วันเกิดนะเว้ยไอ้วี”
อัครพลโทรมาอวยพรวันเกิดให้เธอเป็นคนแรก
ซึ่งเป็นอย่างนี้ทุกปีตั้งแต่ทั้งสองคบกันมา
"ขอบใจนะพล
แกยังอุตส่าห์จำได้อีก"
ปกติไม่ค่อยมีใครรู้วันเกิดเธอเท่าไหร่ถ้าไม่สนิทกันจริงๆ เพราะเธอไม่ค่อยบอกใคร
หรือแม้แต่ธีรวุฒิผู้เป็นพ่อ ก็ยังไม่เคยจำวันเกิดเธอได้เลย แต่เธอก็ไม่ใส่ใจ เพราะพ่อเธอไม่เคยจำวันเกิดใครได้อยู่แล้ว
แม้แต่วันสำคัญๆ พ่อเธอยังจำไม่ได้เลย ต้องมีคนคอยบอกคอยเตือนเสมอ
“ขอให้มีความสุขมากๆ
นะแก”
“ขอบใจย่ะ”
“แล้ววันนี้จะพาไปเลี้ยงไหน”
“...” เมธาวี
ตอนเช้าหลังจากเมธาวีใส่บาตรทำบุญให้ตัวเองที่หน้าบ้านเสร็จ
เธอก็ไปหาธีรวุฒิในห้องหนังสือ
"พ่อคะ
เที่ยงนี้เราไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันนอกบ้านนะ"
ในวันเกิดเมธาวีอยากให้ความสำคัญกับครอบครัวโดยเฉพาะพ่อ ที่จริงเธอก็อยากลองทำอาหารให้พ่อได้ทาน
แต่เธอดันทำไม่เป็น กลัวทำออกมาแล้วแม้แต่สุนัขยังไม่รับประทาน เธอจึงเลือกที่จะพาพ่อไปทานอาหารข้างนอกแทนมากกว่า
ถึงแม้จะมีนางจิ้งจอกติดสอยห้อยตามไปด้วย
ก็ไม่เป็นไร
"เอาสิลูก ดีเลย
พ่อก็คิดว่าวันนี้จะพาพวกเราไปข้างนอกอยู่พอดี"
พ่อชวนเธอออกไปข้างนอก
นานมากแล้วนานจนแทบจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เธอออกเที่ยวกับพ่อนั้นเมื่อไหร่
หรือว่าพ่อจะจำวันเกิดของเธอได้
ในใจปฏิเสธอย่างรวดเร็วว่า...เป็นไปไม่ได้หรอก
ทว่าเมธาวีก็อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ ความหวังเล็กๆ ที่เกิดขึ้นมาภายในใจนี้
มันทำให้เธอมีความสุขเหลือเกิน
"โอกาสพิเศษอะไรรึเปล่าคะพ่อ"
เมธาวีค่อนข้างตั้งความหวังกับผู้เป็นพ่อ
"ไม่มีอะไรหรอกลูก อีกไม่กี่อาทิตย์ลดาเขาก็จะไปเรียนต่อแล้ว
พ่อเห็นว่าวันนี้ทุกคนว่าง ก็เลยว่าจะพาลดาไปซื้อของเตรียมตัวเดินทาง พร้อมกับเลี้ยงส่งลดาด้วยเลย
อีกอย่างนานๆ ทีครอบครัวเราจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา"
“ค่ะพ่อ”
ธีรวุฒิไม่ได้รู้เลยว่าคำพูดของตนเองได้ทำร้ายความรู้สึกของใครบางคนเข้าให้แล้ว
เพื่อความสะดวกธีรวุฒิพาทุกคนไปทานข้าวในห้างสรรพสินค้า
หลังจากนั้นก็เดินเลือกซื้อของให้นาฏลดาเพื่อเตรียมตัวไปเรียนต่อต่างประเทศ
ทุกคนดูมีความสุขยกเว้น...เธอ
เมธาวีรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นคนนอก
เธอเงียบไป แต่ก็ไม่มีใครรู้ เธอเดินรั้งท้ายจนแยกตัวออกห่าง ก็ไม่มีใครสังเกตเห็น
เธอรู้สึกแย่เหลือเกินวันนี้น่าจะเป็นวันที่เธอรู้สึกมีความสุขสิ แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกโดดเดี่ยวและอ้างว้างขนาดนี้
วี นะวี ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเองเลย
ไม่น่าไปตั้งความหวังเลย ถ้าทำตัวเหมือนทุกวันที่ผ่าน เธอก็คงไม่ต้องรู้สึกแย่ขนาดนี้หรอก
เธอรู้ว่าพ่อรักนาฏลดา
เธอเองก็รักนาฏลดา เพราะหล่อนเป็นคนน่ารัก ทั้งหน้าตาและนิสัย
มันทำให้เธออดที่จะรู้สึกอิจฉาไม่ได้
ถ้าให้เทียบกันแล้วตัวเธอด้อยกว่านาฏลดาทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา การเรียน
มันสมอง มนุษยสัมพันธ์ และความรักจากพ่อ เธอด้อยกว่านาฏลดาทุกอย่าง
สิ่งเดียวที่เธอมีมากกว่าก็คือทรัพย์สมบัติ
แล้วยังไงล่ะ
มันทำให้เธอมีความสุขขึ้นอย่างนั้นเหรอ
มันทำให้พ่อหันมาสนใจเธอมากขึ้นอย่างนั้นเหรอ
ลูกที่เกิดจากผู้หญิงอันเป็นที่รัก
กับลูกที่เกิดจากผู้หญิงที่ไม่ได้รักมันต่างกันขนาดนี้เชียวเหรอ
" หมดแก้ว! หมดแก้วเว้ยพล"
น้ำสีอำพันแก้วแล้วแก้วเล่าที่ถูกกระดกเข้าปากอย่างต่อเนื่องและหมดภายในเวลาไม่กี่วินาที
"เฮ้ยวี พอได้แล้วแก"
อัครพลพยายามห้ามเมธาวีไม่ให้ดื่มไปมากกว่านี้
เพราะตั้งแต่ตอนบ่ายที่เมธาวีชวนเขาออกมาเที่ยวอ้างว่าจะเลี้ยงฉลองวันเกิด
เธอได้ลากเขาไปช้อปปิ้ง แล้วคุณเธอก็ช้อปเป็นบ้าเป็นหลังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
จากนั้นก็ไปดินเนอร์ที่โรงแรมหรู จบด้วยคลับที่อยู่ภายในโรงแรม
"อารายกานแก หมดไปขวดเดียวเอ๊ง"
เพิ่งหมดไปขวดเดียว แต่แกดันดวดเหล้าไปคนเดียวเกือบหมดแล้วนะสิ
"น้องงง เปิดอีกขวด" เมธาวีเรียกบริกร
แล้วชี้ไปที่ขวดเหล้าที่ว่างเปล่าของตน
"แก ไปเต้นกานเหอะ" เมธาวีที่แม้แต่ยืนยังไม่มั่งคง
ดึงแขนของอัครพลไปที่ฟลอร์เต้นรำ แล้วออกสเต็ปกันอย่างสนุกสนานโดยเฉพาะเมธาวี
ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เธอดื่มเข้าไปมากมายทำให้เธอไม่รู้สึกรู้สาต่อสิ่งรอบตัวแล้ว
เธอเต้นอย่างเมามันโดยไม่สนใจใคร
แต่หารู้ไม่ว่ามีสายตาคู่หนึ่งคอยมองเธออยู่ไม่ห่าง
ราเมศร์พาลูกค้ามาเลี้ยงรับรองที่คลับภายในโรงแรมแห่งนี้
แล้วก็เห็นเมธาวีนั่งดื่มกับผู้ชายคนเดิม ที่เมธาวีเคยบอกว่าเป็นเพื่อน อีกแล้ว...เขาเห็นเธอดื่มอย่างไม่ยั้ง แล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะไม่ยอมหยุดง่ายๆ
แต่พอหยุดเธอกลับไปเต้นรำกับผู้ชายคนนั้น เขามองดูเมธาวีเต้น ดูเธอโยกซ้ายขยับขวาจนเพลิน
"เฮ้อ! ผู้หญิงอะไร
ไม่มีความเซ็กซี่สักนิด ดูเต้นเข้าสิตลกชะมัด"
หลังจากเห็นว่าทุกอย่างเข้าที่ราเมศร์จึงให้ลูกน้องของตนรับรองลูกค้าแทน
ก่อนจะเดินเข้าไปหาเมธาวี
ท่ามกลางแสงสีและผู้คนมากมาย
ชายหนุ่มใส่สูทผู้มีใบหน้าหล่อเหลากำลังเดินเข้ามา เขาโดดเด่นเหนือใคร มีเสน่ห์จนเธอไม่อาจละสายตาได้เลย
ที่สำคัญ...ผู้คนมากมายเขากลับมองมาที่เธอ
มองแค่เธอคนเดียว
"เมศร์ เมศร์จริงๆ ด้วย
วีคิดถึงเมศร์" เมธาวีสวมกอดแฟนหนุ่ม เธอไม่คิดว่าจะเจอราเมศร์ที่นี่ เพราะเมื่อตอนเธอโทรไปชวน
เขาบอกว่าติดธุระมาไม่ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่สนใจแล้วว่าเขาจะอยู่ที่นี่ได้ยังไง
แค่ได้เจอเขาเธอก็มีความสุขแล้ว
อัครพลเห็นเพื่อนเดินไปกอดผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้
เขาจึงเดินเข้าไปหาและดึงตัวเมธาวีออกมา แล้วเดินหลบไปทางอื่นทันที
"ไอ้วี
จู่ๆ แกไปกอดเขาได้ยังไงใครก็ไม่รู้ นี่แกเมาเกินเยียวยาแล้วเหรอวะ" อัครพลต่อว่าเมธาวีพร้อมกับหันไปขอโทษชายแปลกหน้า
"คิคิ นั่นแฟนฉันเอง"
เมธาวีชี้ไปยังราเมศร์ที่กำลังเดินมาหาทั้งคู่
"แฟน? แฟนแก?
เมาจนมั่วแล้วแก"
แต่พอเห็นว่าราเมศร์เดินมาทางพวกตนอัครพลก็ชักจะเริ่มไม่แน่ใจ "จริงดิ!
แน่ใจนะแก ทำไมฉันไม่รู้ แล้วนี่แกแอบไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่" นี่เมธาวีแอบไปมีแฟนโดยที่เขาไม่รู้ได้ยังไง
เมธาวีได้แต่ยิ้ม
จนราเมศร์เดินมาถึง
"แก
นี่เมศร์แฟนช้าานเอง... เมศร์ นี่พล เพื่อนของวีเองงง"
เมธาวีแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน
อัครพลและราเมศร์ต่างจับมือทักทายกันพอเป็นพิธี
แต่จุดสนใจของทั้งสองอยู่ที่สาวขี้เมาคนกลางนี่ต่างหาก
"วี
เมศร์ว่าวีเมาแล้วนะ กลับเถอะเดี๋ยวเมศร์ไปส่ง" เมธาวีเมามายเกินไปแล้ว
"ฮะๆๆ
" เมธาวีหัวเราะขึ้นมาอย่างคนเมาอารมณ์ดี แต่ประโยคถัดมากลับจริงจังและเคร่งเคียด
ผิดกับตอนแรกที่ดูสนุกสนาน "วีไม่กลับ"
นอกจากไม่กลับแล้วเมธาวียังลากอัครพลกลับโต๊ะ
แล้วก็ดื่มต่ออย่างไม่ยั้ง แต่พอราเมศร์พยายามจะลากเมธาวีกลับ
ก็โดนอัครพลห้ามไว้ก่อน
"ปล่อยมันเถอะคุณ
อย่าไปห้ามมันเลย วันนี้มันคงมีเรื่องเสียใจ ถึงได้ดื่มเอาๆ อย่างนี้
ปล่อยมันไว้เถอะเดี๋ยวมันก็หยุดดื่มเองแหละ "
...จนถึงเวลาคลับปิด...
"โพน
กลาบด้วยย... วันนี้ช้าานไปนอนกับแกน้าาา" ราเมศร์ได้ยินถึงกับหูผึ่ง
แล้วดึงเมธาวีเข้ามาหาตนในวินาทีนั้น
"ม่าายน้าา
วีม่ายกลาบ" เมธาวีดิ้นรนให้พ้นจากการเกาะกุมของราเมศร์ แต่เขาก็ไม่สน
กลับลากเมธาวีขึ้นรถของตนและขับออกไปทันที
"บ้านวีอยู่ไหน"
ราเมศร์หันไปถามคนข้างตัว
"..."
"วี...
หลับซะงั้น" เขาไม่รู้จักบ้านเธอไม่รู้จะพาไปส่งที่ไหน คร้านจะปล่อยจะให้เธอนอนบนรถก็คงไม่ได้
จะพาเธอเข้าโรงแรมก็กะไรอยู่ ราเมศร์จึงขับรถมุ่งหน้าไปยังคอนโดของตนแทน
ทว่าพอถึงที่หมายก็ต้องหนักใจ
ว่าจะพาเธอขึ้นห้องไปได้ยังไง ในเมื่อปลุกยังไงเมธาวีก็ไม่ยอมตื่น
“วี...ตื่นเถอะวี” ราเมศร์พยายามเขย่าตัวเมธาวีให้ตื่น แต่เธอก็ยังหลับอุตุ
อุ้มน่ะสิ... ไม่...เขายังไม่อยากเป็นจุดเด่น
พาดบ่า?... เด่นยิ่งกว่าเก่าอีก แล้วเขาไม่ใช่โจรลักพาตัวด้วย
หรือว่าหิ้วปีกดี... เธอไม่รู้สึกตัวอย่างนี้ จะหิ้วปีกได้ยังไง
รึว่าขี่หลัง... เข้าท่า ดูไม่น่าเกลียด แถมยังดูเหมือนเป็นการช่วยเหลือที่ดูดีที่สุด
ดูไม่ออกเป็นแนวฉันชู้สาว แถมยังดูเป็นสุภาพบุรุษอีกต่างหาก
ราเมศร์แบกเมธาวีมาถึงห้อง และพาเธอไปที่ห้องนอน
เขาพยายามวางเมธาวีลงบนที่นอนอย่างแผ่วเบา และจัดท่านอนให้เธออยู่ในท่าที่สบายที่สุด
จากนั้นจึงเตรียมผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้
ความเย็นของน้ำ
ทำให้เมธาวีรู้สึกตัว เธอมองเห็นราเมศร์ผู้ชายที่เธอรักอยู่ตรงหน้า
เธอยกแขนโอบรอบคอของเขา ราเมศร์ตะลึงไปชั่วขณะเขาไม่คิดว่าเมธาวีจะทำอย่างนี้
เขาคิดจะดึงแขนทั้งสองข้างเธอออก แต่เธอก็ดึงเขาลงมากอดเสียก่อน
ทำให้ราเมศร์ทาบทับอยู่บนตัวของเมธาวี
"วีคิดถึงเมศร์
วีดีใจ ที่เมศร์อยู่กับวี" เมธาวีกอดราเมศร์ไม่ยอมปล่อย
เหมือนกลัวว่าเขาจะหายไปไหน เธอรู้สึกทุกข์ใจเหลือเกิน
เธอต้องการใครสักคนคอยอยู่เคียงข้าง คอยปลอบโยน และเอาใจใส่ และราเมศร์ก็อยู่ตรงหน้า
ผู้ชายที่เธอรัก
ราเมศร์ยังคงเป็นชายหนุ่มที่มีเลือดมีเนื้อ
เขาไม่สามารถอดทนต่อสิ่งเย้ายวนตรงหน้าได้เลย เขาอยากกอดเธอ อยากสัมผัสเธอจนทนไม่ไหว
เขาก้มลงจูบเมธาวีที่ซอกคอ
ขบเม้นผิวเนียนพร้อมไล้เลียลิ้มรสหวานเจือกลิ่นแอลกอฮอล์จากกายสาว ระเรื่อยจนมาถึง
คาง แก้ม และเปลือกตา
สายตาที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนาสอดประสานแววตาหยาดเยิ้มเมามาย
ไฟพิศวาสกำลังถูกโหมกระพือให้ลุกโชน ชายหนุ่มเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้จนริมฝีปากของเขาแตะริมฝีปากนุ่มของเธออย่างแผ่วเบา
และหนักหน่วงขึ้นในวินาทีต่อมา ฝ่ามือหนาสอดเข้าไปใต้เสื้อผ้าของเธอเพื่อสัมผัสแผ่นหลังเนียนเรียบ
ลูบไล้จนเมธาวีเผลอครางออกมาโดยไม่รู้ตัว เสียงของเธอเหมือนเป็นตัวกระตุ้นไฟในกายให้โหมแรง
เขาจูบเธอ จูบจนเขาแทบคลั่งด้วยความต้องการ เขาต้องการเธอเดี๋ยวนี้
ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าเมธาวีและตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง
ก่อนจะถาโถมใส่ร่างอรชรที่กำลังสั่นระริกเพราะอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ
ราเมศร์ทาบทับอยู่ด้านบนร่างนุ่มนิ่มของเมธาวี
สองมือลูบไล้ผิวเนียนลื่นมือไปทั่วตัว จนมาหยุดที่อกอิ่มทั้งสองข้าง สองมือหนากอบกุมเคล้นคลึงโนมเนื้อจนกายสาวบิดเร่า
เมธาวีครวญครางเมื่อลิ้นอุ่นชื้นไล้เลียยอดถันชูชัน
ทั้งถูกหยอกเย้าเคล้นคลึงด้วยปลายนิ้วและปากร้อนร้าย เธอถูกปลุกเร้นจนแทบทนไม่ไหว
แอ่นกายให้เขาได้ลิ้มชิมรสกายสาวได้ถนัดถนี่
“อ๊า!”
เมธาวีบิดตัวเร่าๆ
เมื่อรู้สึกถึงร่างกายอันใหญ่โตที่กำลังชำแรกเข้ามาในกายสาว เธอพยายามผลักเขาออกเพราะความเจ็บที่เกิดขึ้น
"ไม่เป็นไรนะวี
เดี๋ยวคุณจะรู้สึกดีขึ้นเอง" ราเมศร์พยายามปลอบโยน เขาเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ
พยายามอ่อนโยนกับเธอ จนความเจ็บของเธอจางหายเหลือแต่ความรัญจวนใจ และความสุขสม
'ปวดหัวชะมัด’
หลังจากดื่มไปอย่างหนักเมื่อคืน
เมธาวีปวดหัวจนไม่อยากลุกจากที่นอน เธอกระชับผ้าห่มคลุมกายเมื่อสัมผัสอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่ยังทำงานจนเช้า
แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมือไปสัมผัสโดนบางอย่างเข้า ด้วยความง่วงงุน
เมธาวีก็ยังคงนอนหลับตา และได้แต่นึกว่าเธอจับโดนอะไร
หมอนข้าง?
ไม่ใช่ๆ... ตุ๊กตา?
เธอเก็บลงกล่องไปหมดแล้วนี่
แล้วตุ๊กตามันก็ไม่อุ่นอย่างนี้หรอก
อุ่น?
เธอสัมผัสโดนอะไรที่มันอุ่นๆ
อย่างนั้นเหรอ
ขณะพยายามขบคิดอย่างหนัก
ก็มีบางอย่างเคลื่อนไหวจนเธอรู้สึกได้ เมธาวีจึงลืมตาตื่นขึ้นมาดูให้หายข้องใจ
เบื้องหน้า
ร่างกายกำยำกำลังนอนกอดก่ายเธออยู่ด้วยร่างกายเปลือยเปล่า
ท่อนแขนแข็งแรงโอบรอบตัวเธอและกักเธอไว้กับตัว
"มะ...เมศร์"
เมธาวีเปล่งเสียงออกมาอย่างแผ่วเบา
อะไรกัน มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธออยู่ในสภาพนี้ แล้วยังกับเมศร์อีกล่ะ สมองคิดหาสาเหตุเร็วจี๋
แต่กลับคิดอะไรไม่ออกสักอย่างเดียว
ตอนนี้เมธาวีทำอะไรไม่ถูก
คิดอะไรไม่ออก ได้แต่พยายามค่อยๆ ขืนตัวออกห่างจากราเมศร์ แต่ก็ไม่เป็นผลเลยสักนิด
อ้อมแขนแข็งแรงโอบกอดเธอไว้แน่น แล้วยังสภาพนี้อีกล่ะ เปลือยเปล่าอย่างนี้
ทำอะไรไม่สะดวกเลย
"ตื่นแล้วเหรอ" ราเมศร์กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น ยิ่งทำให้เมธาวีแนบชิดเขามากกว่าเก่าเสียอีก
แต่เธอพยายามขืนตัวแล้วดันราเมศร์ให้ห่าง
"นี่...
นี่มันเกิดอะไรขึ้นเมศร์ ทำไม" เมธาวีพูดไม่ออก
ในเมื่อสถานการณ์มันคาตาอย่างนี้
"เมื่อคืนวีจำอะไรไม่ได้เลยงั้นเหรอ" ราเมศร์ถามออกไปอย่างคาดไม่ถึง
เมธาวีได้แต่ส่ายหน้า เธอไม่แน่ใจว่าจะจำได้ เธอนึกออกได้เป็นช่วงๆ
มันขาดๆ เกินๆ เลยไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง
ราเมศร์พูดไม่ออก
เขาเพิ่งตระหนักในสิ่งที่เกิดขึ้น เกรงว่าอาจจะมีเรื่องยุ่งยากตามมาทีหลังถึงเขาจะชอบเธอ
แต่เขาก็ยังอดหวั่นไม่ได้ เขาสามารถรับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำได้
แต่ถ้าเกิดเมธาวีเรียกร้องในสิ่งที่เขาให้ไม่ได้ล่ะ
เมธาวีเห็นราเมศร์เงียบไป
เธอทนกับสถานการณ์ล่อแหลมและความสงสัยได้ไม่นานก็ต้องเป็นคนเอ่ยปากถามซะเอง
"เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นเมศร์..."
"เมื่อคืน... เราแค่มีอะไรกันแล้ว" คำตอบที่ตรง และชัดเจนที่สุด
ออกจากปากของราเมศร์ เมธาวีไม่สามารถคิดในแง่ดีกว่านี้ได้เลย มันไม่ใช่คำตอบที่คลุมเครือ
ที่สามารถคิดได้หลายแง่ แต่มันชัดเจนออกอย่างนี้
เวลาผ่านไปหลายนาที เมธาวียังคงนั่งอยู่บนที่นอนมีผ้าห่มคลุมกายแค่ผืนเดียว
เธอนิ่งเงียบเหมือนหุ่น ระหว่างคนสองคนกลับมีแต่ความเงียบและความตึงเครียด เมธาวีทนต่อสถานการณ์แบบนี้ไม่ไหว เธอพยายามลุกออกจากที่นอนโดยเอาผ้าห่มคลุมตัวให้แน่นหนาที่สุด
แต่เดินไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องทรุดตัวล้มลง ราเมศร์จึงรีบเข้ามาประคองไว้
เมธาวีอยากจะเบี่ยงตัวออกห่าง แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะตอนนี้เธอไม่มีแรงเหลืออยู่เลย
"วีอยากเข้าห้องน้ำ" ราเมศร์ช้อนตัวเมธาวีขึ้นอุ้ม แล้วพาเธอเข้าไปในห้องน้ำ
เขาวางเมธาวีให้นั่งลงที่ขอบอ่างอาบน้ำ แล้วเปิดน้ำทิ้งไว้ให้
เมื่อราเมศร์ไม่มีทีท่าว่าจะอยู่ห่างจากเธอแม้แต่ในห้องน้ำ เมธาวีจึงบอกเขาไปว่า
"วีขออยู่คนเดียวนะ" ตอนนี้เธออยากนั่งทบทวน
คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทุกอย่างมันกะทันหันไปหมด
เธอจำได้แค่ว่าเมื่อคืนเธอออกไปเที่ยวกับอัครพล แล้วจู่ๆ ราเมศร์ก็โผล่มา
หลังจากนั้นก็มันก็กลายเป็นภาพปะติดปะต่อ วุ่นวายไปหมด
เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมง
เมธาวีถึงออกมาจากห้องน้ำพร้อมเสื้อคลุมตัวยาวของราเมศร์ เธอมองหาเสื้อผ้าของเธอ
แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนเธอก็ไม่เห็น และเธอไม่เห็นราเมศร์อยู่ในห้องนอน
จึงออกไปดูที่นอกห้อง พบเขานั่งอยู่บนโซฟา ในสภาพที่เรียบร้อยแล้ว
"วีหาเสื้อผ้าของวีไม่เจอ"
"เมศร์เอาไปส่งซัก เสื้อผ้ามีแต่กลิ่นควันกลิ่นบุหรี่ติดมา"
เมธาวีเดินเข้าไปหาราเมศร์ แล้วนั่งลงตรงกันข้าม
"วีอยากรู้ อยากเคลียร์มันให้จบๆ วีจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้
เมศร์เล่าให้วีฟังได้ไหม ทำไมวีถึงมาอยู่ที่นี่ แล้ว..." เธอพูดไม่ออกว่า
ทำไมเธอถึงนอนกับได้
เหมือนราเมศร์จะเข้าใจในสิ่งที่เมธาวีคิด
ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยเก็บความสงสัยไว้กับตัวเลย ตั้งแต่คบกันมาเธอจะเป็นฝ่ายเริ่มถามทุกครั้งที่เธอมีอาการข้องใจ
และคราวนี้ก็ไม่ต่างจากคราวที่ผ่านๆ มา
"เมื่อคืนวีเมามาก เมศร์จะไปส่งวีที่บ้าน" ราเมศร์เริ่มเล่า
"แต่เมศร์ไม่รู้จักบ้านวี แล้ววีก็หลับไปก่อน เมศร์เลยพาวีมาที่ห้องเมศร์
แล้วตอนที่เมศร์กำลังเช็ดตัวให้วี วีก็...กอดเมศร์
ตอนนั้นเมศร์ห้ามใจตัวเองไม่อยู่ เลย...มันเลยเกิดขึ้น"
ราเมศร์บอกเธอว่าเธอกอดเขา
...นี่...นี่เธอกอดเขา
ถ้าอย่างนั้นเธอก็เป็นคนเริ่มนะสิ
"เมศร์...แล้ว..." เมธาวีพูดไม่ออก เธอไม่รู้จะถามเขายังไงดี
ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี เธอพูดไม่ถูก
"แล้ว...
เมศร์คงไม่ได้..."
"เมศร์ไม่ได้ขืนใจวี" ผู้ชายอย่างเขาไม่มีทางข่มขืนผู้หญิงแน่
และต่อจากนี้ไปเขาก็ตั้งใจว่าจะไม่มีอะไรกับผู้หญิงที่เมาอีกแล้ว
ไม่งั้นก็ต้องมานั่งอธิบายกันยืดยาวอย่างนี้อีก
จากที่ราเมศร์เล่ามา ก็แสดงว่าเธอสมยอมงั้นสิ แต่ตอนนั้นเธอเมาไม่รู้สึกตัวนี่ทว่าราเมศร์บอกว่าเธอเป็นฝ่ายกอดเขาก่อน
...โอย อะไรเนี่ย! งงไปหมดแล้ว
แต่อย่างน้อยเธอก็ได้บทสรุปกับตัวเองแล้วว่าเมื่อคืนเธอพลาดไปเอง
และดูเหมือนเรื่องทั้งหมดจะโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเธอเอง
เธอเป็นคนทำให้มันเกิดขึ้นเอง
เมธาวีพยายามคิดในแง่ดี อย่างน้อยครั้งแรกของเธอ
เธอไม่รู้ว่ามันเกิดจากความรักรึเปล่า แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ได้เกิดจากการฝืนใจกัน
ทั้งสองฝ่าย แล้วผู้ชายคนนั้นก็เป็นคนที่เธอรัก
แต่มีอีกเรื่องที่ทำให้เธอไม่สบายใจ แล้วต่อจากนี้ไป ระหว่างเธอกับราเมศร์
มันจะเป็นยังไงต่อไป คงให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
เมธาวีเอื้อมไปจับมือของราเมศร์
"วีหิวแล้ว" กระเพาะเธอกำลังประท้วงเพราะความหิว
ท่าทางของเมธาวีทำเอาราเมศร์อึ้งไปพักใหญ่
เขาแปลกใจที่เมธาวีมีปฏิกิริยาที่ปกติเกินไป
เขาไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่แต่เรื่องอย่างนี้เขาก็ไม่อยากให้มันวุ่นวายมาก
ถ้าเมธาวีทำตัวเป็นปกติแบบนี้ เขาก็จะทำตัวตามปกติเช่นกัน
"ข้างล่างเขามีร้านอาหารที่เขาส่งให้ตามห้องอยู่ วีอยากทานอะไรล่ะ
เดี๋ยวเมศร์สั่งให้"
"วีขอข้าวต้มแล้วกัน"
ราเมศร์ขอตัวไปสั่งอาหาร
พร้อมกับโทรสั่งงานลูกน้อง ทำให้เมธาวีอยู่ในห้องรับแขก (เธอคิดว่าอย่างนั้นนะ)
เพียงคนเดียว เพราะราเมศร์เดินไปโทรศัพท์ที่ห้องอื่น
เมธาวีมองไปรอบๆ
ห้องของราเมศร์ เธอเพิ่งสังเกตว่าห้องของเขากว้างมาก ทุกอย่างดูเป็นสัดเป็นส่วน
เฟอร์นิเจอร์ของตกแต่ง ดูเรียบหรู ตกแต่งไว้อย่างลงตัว แน่ใจได้เลย ว่าถ้านี่เป็นห้องเขาจริงๆ
แสดงว่าฐานะของเขาคงไม่ธรรมดา
หลังจากที่ทั้งสองทานอาหารที่สั่งมากันเสร็จ
ก็มีคนมาส่งเสื้อผ้าของเมธาวีที่ส่งซัก พอเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ
ก็ขอตัวกลับบ้านทันที
"เมศร์ไปส่ง"
"อย่าเลย วียังไม่อยากตอบคำถามกับคนที่บ้าน ถ้าเมศร์ไปส่งวี
ที่บ้านก็ต้องซักเมศร์ใหญ่แน่ เมศร์คงยังไม่อยากตอบคำถามใครหรอกใช่มั้ย"
ที่จริงเธอก็ค้างนอกบ้านหลายครั้งจนที่บ้านเห็นเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
ที่เธอไมอยากให้ใครรู้จักบ้าน บ้านที่เหมือนคฤหาสน์หลังนั้น เพราะอยากให้คนอื่นๆ
คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงทำงานธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่อีกใจหนึ่งเธอก็นึกไปถึงนาฏลดา
หล่อนเป็นคนสวย ใครเห็นก็ชอบ ใครเห็นก็หลงรัก เธอไม่พร้อมที่จะพาใครไปเจอนาฏลดา
คนที่จะพาไปบ้านเธอต้องแน่ใจจริงๆ ว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่รักที่เงินทองของเธอ แต่ต้องรักเธอจริง
ไม่เปลี่ยนใจไปชอบคนอื่นได้ง่ายๆ เธอไม่อยากเสียใจแบบที่ผ่านๆ มาอีกแล้ว
"ตามใจวีแล้วกัน"
ราเมศร์ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ถึงแม้ว่าเขาอยากจะไปส่งเมธาวีเองก็ตาม
เมื่อกลับถึงบ้าน
เมธาวีเห็นแต่ป้าใจแม่บ้านที่คอยดูแลเธอต้องแต่แม่ยังอยู่ กำลังเก็บกวาดบ้านโดยมี
น้ำฝน หลานสาวคอยช่วย
"ป้าใจคะ ทำไมบ้านเงียบจัง ออกไปไหนกันหมดคะ"
"หนูวี กลับบ้านตอนเช้าอีกแล้ว" ป้าใจเห็นเมธาวีก็รีบเดินมาหาทันที
พร้อมกับตีต้นแขนเมธาวีเบาๆ
"น่าตีนักเชียว เป็นสาวเป็นนางอย่าไปค้างอ้างแรมนอกบ้านบ่อยนักสิคะ"
จะว่าไป ป้าใจทำงานที่บ้านหลังนี้มาตั้งแต่สมัยตากับยายเธอแล้ว ป้าใจก็เห็นเธอเป็นหลานคนหนึ่ง
และคอยเป็นห่วงเป็นใยเธอเสมอมา บางครั้งเธอยังรู้สึกว่าป้าใจเป็นห่วงเป็นใยเธอมากกว่าพ่อของเธอเองเสียอีก
"แหะๆ เมื่อคืนวีเห็นว่ามันดึก เลยค้างบ้านเพื่อน
ป้าใจคงไม่อยากให้วีนั่งแท็กซี่กลับบ้านคนเดียวตอนดึกๆ หรอกนะคะ"
เมธาวีโกหกออกไป เพราะไม่อยากให้คนตรงหน้ารู้สึกไม่สบายใจ
"แล้วทำไมบ้านเงียบจังคะ เขาออกไปไหนกันรึเปล่า" เมธาวีถาม
"เห็นว่าคุณวุฒิ กับคุณอรพาคุณลดาไปหาเพื่อนค่ะหนูวี"
ปกตินางศรีใจจะเรียกทุกคนว่าคุณ ยกเว้นกับเมธาวีคนเดียว เธอจำได้ว่ามีครั้งหนึ่งที่ศรีใจเรียกนาฏลดาว่า
หนูลดา กลับโดนอรวีดุว่าทำตัวตีเสมอเจ้านาย ตั้งแต่นั้นมาศรีใจก็เรียกทุกคนว่า
"คุณ" ยกเว้นกับเมธาวี
"งั้นเหรอคะ" เมธาวีรู้สึกน้อยใจขึ้นมา แต่ก็พยายามคิดในแง่บวกเข้าไว้
...ก็ดีเหมือนกัน ถ้าเจอกับนางจิ้งจอก ต้องโดนกระแนะกระแหนอีก
เธอไม่อยากเสวนาด้วยนานนัก
"วีขอตัวก่อนนะคะป้าใจ"
เมธาวีกอดนางศรีใจแล้วหอมแก้มไปฟอดหนึ่งก่อนจะเดินขึ้นห้องนอนของตนเองไป
...วันนี้เธอเหนื่อยเหลือเกิน อยากจะพักผ่อนเหลือเกิน
หลังจากเหตุการณ์คืนนั้นผ่านพ้นไป
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ยังคงเดิมแต่ไม่ทั้งหมด สิ่งที่เปลี่ยนไปคงจะเป็นการแสดงออก
จากการเดินไปด้วยกัน ก็จะเปลี่ยนเป็นการเดินจูงมือไปด้วยกัน
เวลาที่มีผู้ชายเข้ามาคุยกับเมธาวี ราเมศร์ก็จะรีบเข้ายืนข้างๆ
แล้วโอบเอวเธอไว้แสดงความเป็นเจ้าของออกมา
หรือบางครั้งที่ราเมศร์เป็นฝ่ายคุยกับผู้หญิง เขาก็จะได้รับสายตาพิฆาตที่ส่งไปให้
ที่เห็นได้ชัดเจอคงจะเป็นการที่เมธาวีลดการเที่ยวกลางคืนและดื่มเหล้าให้น้อยลง
เพราะประสบการณ์ที่ได้รับมา เธอถือเป็นบทเรียนราคาแสนแพง
ที่มันจะต้องไม่เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด
ช่วงนี้เมธาวีไม่ค่อยได้เจอกับราเมศร์บ่อยนัก
เพราะเขาต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ หรือเวลาที่เขาไม่ได้เดินทางไปไหนก็มักจะติดงานเสมอๆ
เธอเองก็เหมือนกัน บริษัทส่งออกและผลิตของตกแต่งบ้านที่อัครพลและเธอก่อตั้งขึ้นมาเพิ่งจะเริ่ม
และอะไรๆ ก็ยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก ต้องวิ่งวุ่นกันจนเหนื่อย ส่วนงานประจำที่เธอทำอยู่
ถึงแผนกไอทีคนจะเยอะ แต่ก็ไม่เคยพอ แต่ละคนงานล้นมือทั้งนั้น แม้แต่เธอก็ไม่เว้น
"ห้องคอมพิวเตอร์ค่ะ"
โทรศัพท์ห้องไอทีดังและเมธาวีเป็นคนรับสาย
"น้องวี มีใครว่างรึเปล่าคะ ให้เขาขึ้นมาเซ็ทห้องประชุมให้พี่หน่อย
เดี๋ยวจะมีการประชุมจ้ะ อ้อ...ห้องประชุมใหญ่นะจ๊ะ"
เสียงของน้ำหวานเลขานุการสาวของท่านประธานดังมาตามสาย
"ค่ะๆ ได้ค่ะ" เมธาวีมองซ้าย มองขวา ตอนนี้ทุกคนงานล้นมือทั้งนั้น เธอเลยตัดสินใจเป็นคนขึ้นไปเซ็ทห้องประชุมเอง
"วีจะไปไหนเหรอ" เสียงของหัวหน้าแผนกลอยมา
"จะไปเซ็ทห้องประชุมค่ะ"
"ดี งั้นพี่ฝากซื้อกาแฟหน่อย"
ฝากซื้อกาแฟ? เธอต้องไปเซ็ทห้องประชุม
ที่ชั้น 29 นะ แต่ร้านกาแฟมันอยู่ที่ชั้น 5 นี่
พอสิ้นเสียงของหัวหน้าแล้ว
ดูเหมือนทุกคนจะพร้อมใจกันหันมาทางเมธาวีแล้วสั่งเมนูทันที
"กาแฟสอง”
“พี่ขอโกโก้ เย็นนะ”
“พี่เอาแซนวิช”
“พี่เอาชามะนาว"
เออ! สั่งกันเข้าไป
"อะไรเนี่ย วีไปชั้น 29 นะ" ถึงปากจะบ่นไป
แต่มือก็จดรายการที่สั่งมาไม่ให้ตกหล่น "รอสักครึ่งชั่วโมงแล้วกันนะคะ"
เมธาวีขึ้นลิฟท์ไปชั้นที่ 29
แล้วมุ่งตรงไปที่ห้องประชุมใหญ่ ซึ่งได้เปิดประตูรอไว้อยู่แล้ว
เมธาวีเซ็ทอุปกรณ์ทุกอย่างจนอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เสร็จแล้วจึงขึ้นไปบอกน้ำหวานที่ชั้นฃ
30
เมธาวีเลือกใช้บันไดหนีไฟเพราะเดินขึ้นไปอีกแค่ชั้นเดียวเท่านั้น
จะรอลิฟท์ก็เสียเวลาเกินไป
เมธาวีนึกถึงครั้งแรกที่เธอเจอกับราเมศร์ที่บันได นึกแล้วก็ขำปนอับอาย
เพราะเธอซุ่มซ่ามเหลือเกินแต่มันก็ทำให้เธอได้พบเขา
"เมศร์เคยบอกว่า มาทำธุระที่นี่ แล้วเขามาทำอะไรนะ"
เมธาวีฉุกใจคิดขึ้นมาได้
แต่ก็ไม่ติดใจอะไรเพราะเธอก็เห็นเขามาที่นี่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
เมธาวีขึ้นไปถึงชั้นที่ 30
ขณะที่กำลังจะเปิดประตูออกไป เธอก็เห็นภาพราเมศร์ยืนคุยกับน้ำหวานก่อนที่เขาจะเดินเข้าลิฟท์ไป
"พี่น้ำหวานคะ" เมธาวีตะโกนเรียกน้ำหวาน
"อ้าววี ว่าไงจ๊ะ"
"วีเซ็ทห้องประชุมให้แล้วนะคะ"
"อ้าว วีเซ็ทเองเหรอ ทำไมไม่ให้พวกผู้ชายเขาทำล่ะ"
"ทุกคนติดงานหมดค่ะ ไม่ว่างกันเลยสักคน...เอ่อ พี่น้ำหวาน
เมื่อกี้วีเห็นพี่น้ำหวานคุยกับใครอยู่เหรอคะ"
น้ำหวานส่งสายตาแปลกๆ
มาทางเธอ แต่ก็ยังไม่ยอมบอกอะไร
...ทำไมพี่น้ำหวานทำหน้าอย่างนี้
"ผู้ชายคนเมื่อกี้?" เมธาวีพยักหน้า
"คนที่คุยกับพี่เมื่อกี้?"
"ใช่ค่ะ"
"วีไม่รู้จักเขาเหรอ"
เมธาวีส่ายหน้า
"โธ่เอ๊ยวี วันหน้าวันหลังอย่าไปถามคำถามนี้กับใครเขานะ นั่นน่ะ...คุณเมศร์
คุณราเมศร์ อัศวเทวา" น้ำหวานย้ำ
"ประธานกรรมการ เทวากรุ๊ป เจ้านายพวกเรา หรือจะให้เข้าใจง่าย
ก็คนจ่ายเงินเดือนพวกเรานั่นแหละ"
"..."
เจ้านาย?
เมธาวีอึ้ง
เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าราเมศร์จะเป็นเจ้านายเธอ
จริงหรือนี่?
“คนเมื่อกี้...คือท่านประธานเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ”
“ชื่อว่าราเมศร์ใช่ไหมคะ”
“ใช่จ้ะ”
เมธาวีทำหน้าถูก
ไม่รู้ว่าตอนนี้จะบรรยายความรู้สึกของตัวเองอย่างไรดี เธอสับสนไปหมด
ทำไมเธอถึงไม่รู้ ไม่เคยเอะใจมาก่อนเลยนะ
ที่จริงคนขนาดท่านประธานเป็นไปไม่ได้ที่พนักงานธรรมดาอย่างเธอจะไม่รู้จัก
จะให้พูดไปแล้วมันเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งสำหรับพนักงานทั่วไปเลยไม่ใช่หรือที่จะต้องรู้ว่าเจ้านายของตัวเองคือใครแล้วทำไม...ทำไมเธอถึงเพิ่งจะรู้
เมธาวีได้แต่กรีดร้องในใจว่าทำไมเธอถึงได้โง่อย่างนี้
“พี่น้ำหวานคะ
ท่านประธานเขาเข้ามาที่นี่บ่อยรึเปล่า”
เธอกำลังหาหนทางแก้ตัวให้ตนเอง
บางที่ราเมศร์อาจจะไม่ค่อยเข้ามาที่บริษัทนี้ก็เป็นได้ เธอถึงไม่รู้จัก
“คุณเมศร์ก็เข้ามาบ่อยนะ
ถึงจะไม่ทุกวันก็เถอะ...น้องวีมีอะไรหรือจ๊ะ”
เมธาวีเอ๊ย...เธอนี่ช่างโง่จริงๆ
โง่มาก
“เปล่าคะ
เพียงแต่ว่าวีไม่เคยเห็นหน้าก็เท่านั้น”
"จ้าแม่คุณ วันหลังอย่าไปปล่อยไก่ให้ใครเห็นนะวี เจ้านายตัวเองแท้ๆ"
...ฮือ ปล่อยไก่ไปแล้ว ปล่อยกับเจ้าตัวเองเลยแหละ ทำไมเธอถึงได้โง่ขนาดนี้นะ
เขาเป็นเจ้านายเธอแท้ๆ เธอยังไม่รู้จักเขาอีก ขายขี้หน้าชะมัด
ไม่น่าล่ะตอนที่เธอบอกว่าทำงานที่นี่ เมศร์ถึงได้ทำหน้าแปลกๆ
โหย...แค่คิดก็แทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีจริงๆ ไม่รู้ว่าเวลาเจอหน้าเขาครั้งต่อไป
เธอจะปั้นหน้ายังไงล่ะทีนี้
ถ้าอย่างนั้นตอนนี้
เธอกำลังคบอยู่กับประธานบริษัทเหรอ
หลังเลิกงานเมธาวีนั่งแท็กซี่กลับบ้าน
วันนี้เธอไม่มีนัดที่ไหนจึงได้กลับบ้านเร็ว ทว่าบ้านหลังใหญ่ที่อยู่มาตั้งแต่เกิดกลับมีแต่ความเงียบเหงา
นาฏลดาไปเรียนต่อที่อังกฤษได้สักพักแล้ว ส่วนพ่อกับนางจิ้งจอกก็ไปออกงานสังคม
เหลือแต่ป้าใจ และน้ำฝนที่อยู่เฝ้าบ้าน ส่วนลุงสมคนขับรถ ก็ต้องไปขับรถให้พ่อ เมธาวีเลยเลือก
กินข้าวกับป้าใจและน้ำฝนที่ห้องครัวนี่แหละ
"ป้าใจคะ วันนี้วีกินข้าวกับป้าใจด้วยคนนะคะ"
เมธาวีเข้าไปกอดนางศรีใจจากข้างหลัง
"แล้ววันนี้ไม่มีนัดที่ไหนเหรอคะ ถึงอยู่ติดบ้านได้"
"แหม ป้าใจก็..."
"ป้าทำอาหารเกือบเสร็จแล้ว ยังไงหนูวีไปอาบน้ำก่อนสิ เสร็จแล้วค่อยลงมากินข้าว"
"โอเคค่ะ" เธอหอมนางศรีใจไปหนึ่งฟอด ก่อนจะวิ่งขึ้นไปอาบน้ำแล้วกลับลงมาที่ห้องครัวในเวลาไม่ถึง
10 นาที จนนางศรีใจตะลึง
“หนูวีไปอาบน้ำหรือวิ่งผ่านน้ำคะ”
“โธ่ป้าใจ
พูดอย่างนี้ไม่ไว้หน้าวีบ้างเลย วีทั้งสระผมและขัดขี้ไคลเลยนะ ไม่ได้อาบแบบลวกๆ”
ดูสิผมเธอยังเปียกอยู่เลย ตัวเธอก็หอมสบู่ด้วย
“ก็จะให้ป้าคิดยังไงล่ะคะ
เพิ่งไล่ให้ขึ้นไปอาบน้ำไม่ทันไรก็ลงมาแล้ว ป้าก็คิดว่าหนูวีวิ่งผ่านน้ำเอาน่ะสิคะ
แล้วนี่อาบสะอาดไหมคะ”
“แน่นอนสิคะ
วีก็แค่อาบน้ำเร็วเท่านั้นเอง อยากรีบลงมาเร็วๆ ...หิวข้าวอ่ะ” ก่อนที่ป้าศรีใจจะพูดอะไรไปมากกว่านี้
เมธาวีก็รีบชิงลูบท้องป้อยๆ ให้ดูน่าสงสาร
และกลัวป้าใจจะไม่เชื่อเธอเลยพูดสำทับเข้าไปอีกว่า “วีหิวตั้งแต่งานยังไม่เลิก
หิ๊ว หิว แล้วก็รอ ร้อ รอ
ว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลาเลิกงานจะได้รีบกลับมากินข้าวฝีมือป้าใจ”
ระหว่างเมธาวีอ้อนนางศรีใจอยู่นั้น
น้ำฝนก็ตักข้าวใส่จานและเตรียมกับข้าววางไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
กับข้าวง่ายๆ
ไม่กี่อย่างบนโต๊ะในห้องครัว มีแค่คนสามคนนั่งล้อมวงกินกันอย่างเอร็ดอร่อย และความช่างเม้าท์ของน้ำฝนก็ทำให้มื้อนี้สนุกสนานมากขึ้น
จนเมธาวีทานได้มากกว่าปกติ
โชคดีที่วันนี้มีป้าใจและน้ำฝนอยู่ด้วย
เธอเลยไม่เหงาสักนิด
หลายวันมานี้เมธาวีไม่ได้เจอราเมศร์เลย เธอคิดถีงเขาแต่ส่วนหนึ่งกลับก็รู้สึกโล่งอก
เพราะถ้าช่วงนี้เธอเจอเขาเธอก็ไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไง
หรือว่าจะเรียกเขาว่าอย่างไรดี แต่ถึงแม้เธอจะไม่ได้เจอเขาเลย เขาก็มักจะโทรหาเธอเสมอแม้บางครั้งจะมีเวลาคุยกันได้ไม่ถึงนาที
เธอเข้าใจดีว่าคนระดับเขาต้องมีความรับผิดชอบสูงขนาดไหน
แค่เขาโทรหาเธอได้ทั้งที่กำลังเธอก็ดีใจมากแล้ว
อย่างตอนนี้ที่เขาบอกเธอว่าเขาอยู่ที่...นิวยอร์ก
"นิวยอร์ก?
แล้วเมศร์จะกลับเมื่อไหร่”
"เมศร์ก็ไม่แน่ใจ
แต่คงอีกหลายวัน วีคิดถึงเมศร์ล่ะสิ"
...ฮึ่ย ทำเป็นรู้ทัน
"ใช่วีคิดถึง...คิดถึงช็อคโกแลตที่เมศร์จะซื้อมาฝากวี
อยู่นิวยอร์กก็อย่าลืมหาช็อคโกแลตหรูๆ ไฮโซๆ มานะ วีรออยู่”
"ใจร้ายจัง
แล้ววีไม่เอาอย่างอื่นบ้างเหรอ นอกจากช็อคโกแลต"
"วีคิดไม่ออก
วีไม่อยากได้อะไรนี่นา" ถ้าเธออยากได้
เธอหาซื้อเองก็ได้ไม่ต้องให้คนอื่นซื้อให้หรอก ที่จริงเธออยากเจอเขามากกว่า
แล้วก็อยากคุยกับเขาเรื่องที่รู้จากน้ำหวานมากกว่า แต่รอให้เขากลับมาก่อนแล้วกัน
“มักน้อยจริงนะ”
“ไม่ดีรึไง...อ๋อ
วีนึกออกแล้วว่าอยากได้อะไร”
“อะไร?”
“วีอยากได้หมีแพนด้า”
...หมีแพนด้า?
“วันนี้วีเห็นรูปในอินเตอร์เน็ตนะเมศร์
เขาขึ้นหัวข้อว่าอนุบาลหมีน้อย แล้วข้างในนะก็มีแต่รูปหมีแพนด้าตัวน้อยๆ เต็มไปหมดเลย
น่าร้ากที่สุด”
...อนุบาลหมีน้อย?
“น่ารักมากเลยเมศร์
เหมือนตุ๊กตามากๆ น่าฟัดน่ากอดที่สุดเลย ยังไงเมศร์เอาแพนด้าน้อยมาฝากวีแล้วกันนะ”
...แพนด้าน้อย? ...จะบ้าตาย
“เอาตุ๊กตาแพนด้าใช่ไหม”
“ไม่ใช่ หมีแพนด้าตัวเป็นๆ
ต่างหาก”
...แม่คุณจะอยากได้อะไรทั้งที
ทำไมต้องเป็นแพนด้าด้วยนะ
“เมศ์รอยู่นิวยอร์กนะ
ไม่ใช่ประเทศจีน”
“ก็ถ้าเมศร์หาแพนด้าให้วีไม่ได้
งั้นวีขอเป็นช็อคโกแลตเหมือนเดิมแล้วกัน”
ผลสุดท้ายก็มาลงเอยที่ช็อคโกแลตอีกจนได้
“เจ้าเล่ห์จริงนะวี”
“งั้นวีเอาแพนด้าเหมือนเดิมก็ได้”
“ช็อคโกแลต ก็ช็อคโกแลต”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น