หน้าเว็บ

บทที่ 15 : เปิดหูเปิดตาย่ำราตรี

เฟยานั่งเบื่ออยู่ในห้องเพียงลำพัง เพราะคีลมีงานสำคัญที่ต้องหารือกับพวกองครักษ์และเหล่าเสนาธิการทั้งหลาย ซึ่งนางไม่อาจเสียมารยาทอยู่ข้างกายเขาร่วมฟังได้ จึงต้องทำตัวสงบเสงี่ยมอยู่ในห้องนั่งกร่อยอยู่กับเก้าอี้มือเท้าคางกับโต๊ะ เบื่อสุดแสนจะเบื่อ
จนสาวใช้ประจำตัวของนางที่เพิ่งจะได้เห็นหน้าในรอบหลายวันโผล่เข้ามา
“วันนี้ท่านเฟเรียไม่ออกไปเดินเล่นกับองค์รายาหรือเจ้าคะ” คานันแปลกใจที่เจอเฟยาอยู่ที่ห้อง เห็นคนอื่น ๆ พูดกันว่าองค์รายาพานางเดินชมรอบปราสาททุกวัน
“วันนี้ไม่ ...นี่คานัน ข้าถามเจ้าหน่อยสิ ระหว่างที่ข้าไม่อยู่เจ้าไปอยู่ไหนเหรอ”
สาวใช้เลิกคิ้วสูง “ท่านเฟเรียกำลังจะต่อว่าข้าน้อยหรือเจ้าคะ”
“ข้าจะต่อว่าเจ้าได้ยังไง ข้าก็แค่อยากรู้เท่านั้น” นางก็แค่อยากรู้เฉย ๆ ไม่ได้ต้องการจะเอาผิดอะไร เพราะนางเป็นคนสั่งเองว่าถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องมาอยู่ปรนนิบัตินาง
“ถ้าไม่ได้อยู่ปรนนิบัติท่าน ข้าก็ต้องไปทำงานของข้าน่ะสิเจ้าคะ” นางปด เพราะตอนนี้นางได้เป็นสาวใช้ประจำตัวของเจ้านาย หากไม่ได้อยู่รับใช้เจ้านาย เวลาที่เหลือก็คือเวลาว่างของนาง
“เช่นนั้นเจ้ามีอะไรก็ไปทำเถอะ”
“ข้าขอตัวเจ้าค่ะ” คานันค้อมกายลา ก่อนจะรีบแจ้นออกไป
เฟยามองสาวใช้ส่วนตัวของตนระริกระรี้รีบออกไปแล้วนึกสงสัย คานันมีงานอะไรที่ต้องรีบไปทำขนาดนั้น อารามคนกำลังเบื่อแสนเบื่อ และสงสัยในพฤติกรรมของหญิงรับใช้ เฟยาจึงรีบตามคานันไป
เฟยาแค่อยากรู้ว่าสาวใช้ของตนจะรีบไปไหน แต่พอเดินตามไปเรื่อย ๆ กลับพบว่าเส้นทางที่คานันเดินไป เป็นทางเปลี่ยวหลังปราสาทซึ่งมีต้นหญ้าขึ้นรกชัน พอตามไปได้สักพักกลับพบว่าเป็นเส้นทางออกนอกปราสาท
เฟยายังคงตามคานันออกนอกปราสาทโดยไม่ให้นางรู้ตัว เฟยาเอาผมด้านหน้าลงปิดบังดวงตาและใบหน้าเกือบครึ่ง สภาพเหมือนเฟยาเมื่อครั้งอยู่อีสการ์ดเพียงแค่เสื้อผ้าไม่มอมแมมเท่า นางอยากรู้นักว่าสาวใช้ของนางกำลังจะไปไหน แต่อย่างน้อยเวลานี้สาวใช้ของนางก็ทำให้นางหายเบื่อเป็นปลิดทิ้ง
คานันเดินไกลออกจากกำแพงปราสาทขึ้นเรื่อย ๆ เดินผ่านผู้คนพลุกพล่านลัดเลี้ยวเข้าซอยเล็กซอยน้อย จนมาถึงสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมีกำแพงสูง การป้องกันแน่นหนา มีคนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูคอยตรวจตราผู้คนที่ต้องการจะเข้าไปข้างใน และตามมุมกำแพงจะมีหอคอยสูงตั้งไว้เพื่อคอยสังเกตการณ์รอบนอกจากด้านบน
“ที่ไหนกันเนี่ย” เฟยาพูดกับตนเอง สายตาจับจ้องไปที่คานันไม่ยอมให้นางคลาดไปได้
เฟยาตามคานันไปทางประตูหลัง ซึ่งการป้องการดูจะหละหลวมกว่าด้านหน้ามาก แต่ก็ยังมีคนยืนเฝ้าประตูไม่ยอมให้ใครผ่านเข้าไปง่าย ๆ
“เจ้ามาแล้วรึคานัน รีบเข้าไปเร็ว ๆ เลย วันนี้เจ้ายักษ์อาละวาดใหญ่ ทำเอาเกือบปางตายไปหลายคนเชียว” หนึ่งในคนเฝ้าประตูบอก
“บ้าจริง” หญิงสาวบ่นแล้วรีบสาวเท้าเข้าไปข้างในอย่างเร็วจนเกือบจะวิ่ง
เฟยาได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่ก็ใคร่สงสัยว่าสถานที่แห่งนี้มันคืออะไร แล้วสาวใช้ของนางมาที่นี่ทำไม แต่ก่อนอื่นนางต้องหาทางเข้าไปข้างในให้ได้เสียก่อน
พลันสายตาเหลือบไปเห็นขบวนขนส่งของกำลังเข็นรถและสัมภาระเข้าไปข้างใน เฟยาจึงรีบเข้าไปเกาะกลุ่ม ทำตัวเสมือนเป็นหนึ่งในขบวนเดินตามเข้าไปข้างใน
“เฮ้ย ทำไมวันนี้มาช้ากันจังวะ” เมื่อประตูปิดลง ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาแล้วชี้นิ้วสั่งจัดแจงสิ่งของที่นำมาส่ง “ผักดองแยกไปไว้ทางซ้าย พวกเนื้อรีบเอาเข้าไปในครัวเลย ส่วนไหเหล้านับแล้วแยกไปเก็บไว้ทางขวา”
เฟยาเลือกยกไหผักดองแล้วเดินตามคนอื่น ๆ ไป อาศัยช่วงชุลมุนปลีกตัวไปตามหาคานัน ขณะที่กำลังเดินหาอยู่นั้นนางพบว่าสถานที่แห่งนี้ผู้คนพลุกพล่านมาก ขนาดนางเพิ่งเข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก กลับไม่มีใครเอะใจหรือสงสัยนางแม้แต่คนเดียว และยิ่งเดินเข้าไปลึกเท่าใดนางก็ได้ยินเสียงดังมากขึ้นเรื่อย ๆ จนนางนึกสนใจและลืมสาเหตุที่เข้ามายังที่แห่งนี้
ปลายทางที่เฟยาเจอเป็นอะไรที่นางไม่เคยพบเห็นที่อีสการ์ดมาก่อน เสียงเชียร์และเสียงตะโกนของเหล่านักพนันตัวยงทั้งหลายที่กำลังลุ้นไปกับการต่อสู้บนสังเวียนขนาดใหญ่ดังอื้ออึงไปทั่วสนาม นางเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง โลกที่มีความมัวเมาและกลิ่นคาวเลือด
บ่อน!
นางเพิ่งเคยเห็นบ่อนเป็นครั้งแรกกับตา เฟยากวาดสายตามองดูรอบ ๆ อย่างสนอกสนใจ ผู้คนไปมาขวักไขว่มีทุกเพศทุกวัยและทุกฐานะชนชั้น สิ่งที่ทุกคนเหมือนกันก็คือสายตาที่จับจ้องไปยังสังเวียน
เฟยามองตามไปยังสังเวียนที่มีชายคู่หนึ่งกำลังต่อสู้กัน ...จะพูดให้ถูกก็คือมีชายคู่หนึ่งแต่ไม่ได้ต่อสู้กัน เพราะชายที่มีร่างใหญ่โตกำลังระดมกำปั้นใส่ชายที่ตัวเล็กกว่าอยู่ฝ่ายเดียว ขนาดเลือดกบปากก็ยังไม่ยอมหยุด แต่ถึงกระนั้นเสียงเชียร์กลับยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ และไม่มีใครคิดจะเข้าไปห้ามปรามแม้แต่น้อย จนชายที่ตัวเล็กกว่าหมดสภาพนอนกองอยุ่กับพื้นเลือดกลมเต็มใบหน้า
“ผู้ชนะคือเจ้ายักษ์” ชายร่างอ้วนขึ้นมาบนสังเวียนแล้วประกาศก้อง เสียงเฮดังลั่นทั่วสนาม “มีใครอยากจะเข้ามาท้าชิงเงินรางวัล 200 เหรียญทองอีกไหม ผู้ชนะคนสุดท้ายเท่านั้นที่จะได้เงินกลับบ้าน ไม่เกี่ยงวิธีต่อสู้ ไม่เกี่ยงอาวุธ ไม่เกี่ยงเวทย์ ขอแค่เป็นผู้ชนะเท่านั้น ...มีใครอยากจะท้าชิงอีกไหม”
ในตอนนั้นเองที่ชายร่างเล็กที่นอนหมดสภาพอย่างน่าอนาจถูกลากลงจากสังเวียน เฟยามองตามแล้วนึกสังเวช เงิน 200 เหรียญทองเป็นเงินมากโข แต่ก็ไม่น่าจะเอาชีวิตมาเสี่ยงเช่นนี้
เสียงเฮดังกึกก้องอีกครั้งเมื่อมีผู้ท้าชิงคนที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้กระโดดขึ้นสังเวียน เฟยาได้ยินคนที่อยู่ใกล้ ๆ พูดกันว่า วันนี้เจ้ายักษ์เก็บไปแล้วหลายราย แต่ละรายอาการหนักหนาสาหัสจนต้องถูกลากลงจากสังเวียนทั้งนั้น รายล่าสุดนี่ก็คงไม่ต่างกันเท่าใด ยิ่งรูปร่างผอมบางด้วยแล้ว ยิ่งถูกหักกระดูกได้ง่าย
ได้ยินดังนั้นเฟยาก็สนใจใคร่รู้นัก ว่าชายสองคนที่ขนาดตัวต่างกันจะเอาชนะกันได้อย่างไร ดูไปแล้วเจ้ายักษ์ที่พูดถึงคงเป็นแต่ใช้กำลังใช้เวทย์ไม่เป็น ส่วนผู้ท้าชิงรูปร่างผอมบางนั่นก็คงจะใช้เวทย์เป็น มิฉะนั้นคงไม่อาจหาญขึ้นไปสู้กับเจ้ายักษ์ด้วยรูปร่างที่เสียเปรียบนั่นหรอก
ทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น ผู้ช้าชิงก็เริ่มใช้อำนาจเวทย์ของตนจุดไฟเผาร่างของเจ้ายักษ์ ไฟลุกท่วมตัวดูน่ากลัวยิ่งนัก เสียงฮือฮาของเหล่านักพนันดังเป็นระยะ ๆ และเริ่มพนันขันต่อว่าใครจะแพ้จะชนะ ขณะที่ร่างยักษ์ปักหลั่นนั่นมีไฟลุกท่วมตัว มันกลับดูไม่สะทกสะท้านสักนิด กลับเดินเข้าหาฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมหยุด จนอีกฝ่ายหน้าถอดสีเพราะคาดไม่ถึงว่าเจ้ายักษ์จะทนไฟได้ขนาดนี้
ผู้ใช้เวทย์ยื่นมือทั้งออกไป ในเวลานั้นเจ้ายักษ์ดูเหมือนจะหยุดก้าวเดิน แต่ชั่วอึดใจมันก็ก้าวเดินต่อไปแม้จะเห็นชัดว่ามันก้าวช้าลงและเดินลำบากมากขึ้น
“เป็นไปไม่ได้ ทำไมมันไม่หยุด” ผู้ท้าชิงตะลึงลาน ใบหน้าเริ่มซีดเผือด จนเมื่อมือใหญ่ของเจ้ายักษ์มาถึงตัวแล้วคว้าคอเขาไว้ ร่างทั้งร่างก็ลอยขึ้นเหนือพื้น พร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวน และร่วงหล่นสู่พื้นในเวลาต่อมา
เสียงเฮลั่นสนามอีกครั้งเมื่อผู้ใช้เวทย์หมดสติอยู่กับพื้นจนต้องให้คนลากลงจากสังเวียน เฟยาเห็นแล้วอดนึกถึงคำพูดของอาจารย์ไม่ได้ ที่ว่าผู้ใช้เวทย์มักจะอ่อนแอ เพราะเอาแต่พึ่งเวทย์เป็นนิสัยจนร่างกายปวกเปียก ไม่มีแรงแม้แต่หยิบจับสิ่งของ
ผู้ท้าชิงเมื่อครู่ก็หยิ่งทะนงในเวทย์ของตนเกินไป ไหนเลยจะสู้เจ้ายักษ์ที่แข็งแรงเกินคนขนาดเวทย์ยังทำอะไรมันไม่ได้ เฟยาเริ่มชื่นชมในตัวเจ้ายักษ์ ถึงตอนแรกมันจะดูป่าเถื่อน แต่ความเก่งกาจและความอดทนต่อไฟที่เผาไหม้ตัวมันได้ ทำให้นางเลื่อมใสจากใจ
“เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ” เสียงดังคุ้นหูจากข้างหลัง ทำให้ต้องหันไปมองตามเสียง
ที่แท้ก็คานันนั่นเอง นางเกือบลืมจุดประสงค์แรกที่เข้ามาในสถานที่แห่งนี้เสียแล้ว ดีว่านางพาตัวมาให้เห็นเอง
“ข้าบอกให้เจ้าหยุดยังไงเล่า เจ้ากำลังบาดเจ็บอยู่นะ” คานันกำลังยื้อยุดกับชายผู้หนึ่งอยู่ ตามร่างกายมีผ้าพันแผลสีขาวเต็มไปหมด ใบหน้าเขียวช้ำ ปากแตก ตาบวมปูด
“เจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้เลยนะ ยังไงข้าก็ต้องขึ้นสังเวียนให้ได้”
เฟยายืมชมฉากโต้เถียงอยู่ใกล้ ๆ เหตุใดชายผู้นี้ถีงจะนำพาร่างอันบอบช้ำของตนเองไปสู่ความตายเช่นนี้ หรือเขาเป็นพวกไม่รักตัวเอง หรือชื่นชอบถูกทารุณกรรม
“เจ้าเลอะเลือนไปแล้ว คิดว่าร่างกายอย่างนี้จะชนะเจ้ายักษ์ได้หรือ” คานันเป็นคนรักษาบาดแผลให้เขา นางไม่ยอมให้เขาหาเรื่องใส่ตัวอีกเด็ดขาด “แค่ยืนยังจะไม่ไหว ถูกเจ้ายักษ์ตบทีเดียวก็คงตายคาสังเวียนนั่นล่ะ”
“ยังไงข้าก็ต้องรีบขึ้นไปก่อนจะโดนตัดหน้า เมื่อครู่เจ้าไม่เห็นรึว่าเจ้ายักษ์มันโดนย่างสด บวกกับมันสู้ติดต่อมาหลายสิบคนแล้ว ข้าว่าตอนนี้มันบอบช้ำไปทั้งตัว ถ้าไม่ฉวยจังหวะนี้ก็โง่แล้ว” เงิน 200 เหรียญทองลอยอยู่ตรงหน้า ต่อให้เจ็บหนักกว่านี้ก็ถือว่าคุ้มสุดคุ้ม
“เจ้ามันโง่ ยังไงข้าก็ไม่ปล่อยให้คนที่ยังไม่หายดีขึ้นไปสู้อีกหรอก”
“เจ้ามันยุ่งไม่เข้าเรื่อง” ชายผู้นั้นสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของคานัน แล้วรีบพาตนเองขึ้นสังเวียนอีกครั้ง
“เจ้าบ้า!” คานันตะโกนใส่ นางรักษาบาดแผลให้ ไม่ใช่เพื่อให้กลับไปขึ้นสังเวียนใหม่เสียหน่อย
แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามคาด เจ้ายักษ์ถึงจะโดนย่างสดมานิดหน่อย แต่มันก็แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ เจ้าคนไม่เจียมตัวโดนตบ...ไม่ใช่สิ โดนหน้าแข้งของเจ้ายักษ์ไปทีเดียว ไม่ทันได้ออกอาวุธอะไรก็ตัวปลิวกระแทกพื้นเลือดกบปาก หมดสติคาสังเวียนไปเสียแล้ว
เฟยาเห็นเจ้ายักษ์เดินเข้าไปหาร่างที่หมดสตินั่น เสียงเฮดังยิ่งขึ้นเมื่อมันง้างฝ่าเท้าเตรียมกระทืบร่างนั้นให้จมดืน เฟยาไม่อาจทนเห็นฉากต่อไปได้ นางจึงใช้พลังของนางดึงตัวร่างที่หมดสติออกนอกสังเวียนในทันใด
เสียงโห่ดังติด ๆ กันเมื่อมีคนแทรกมือเข้ามาระหว่างการต่อสู้ ร่างหมดสติลอยออกจากสังเวียนอย่างรวดเร็ว ทำให้เจ้ายักษ์ที่กำลังเตรียมกระทืบซ้ำได้แต่กระแทกฝ่าเท้ากับพื้นดังปึ้ง แล้วร่างหมดสตินั้นได้มาตกอยู่หน้าคานันพอดิบพอดี
ไม่รู้ว่าใครทำเช่นนี้หรือทำเพราะอะไร แต่นางไม่มีเวลาคิดมาก มีคนเจ็บอยู่ตรงหน้าก็ต้องรีบรักษา คานันคุกเข่าลงข้าง ๆ คนเจ็บแล้วตรวจดูบาดแผล
“ซี่โครงหัก บ้าจริง” นางรักษาได้แต่บาดแผลภายนอก ส่วนภายในนั้นต้องให้หมอประจำบ่อนเป็นคนจัดการ
คานันจับคอเสื้อของชายผู้นั้นแล้วลากเขาไปที่ห้องรักษา ไม่สนแล้วว่าสิ่งที่ทำจะถูกหลักปฐมพยาบาลหรือไม่ ในเมื่อนางห้ามเขาแล้วแต่เขาไม่ยอมฟังเอง
เฟยาเดินตามคานันอย่างใคร่รู้จนมาถึงห้อง ๆ หนึ่ง ห้องนี้มีแต่คนไม่ปกติ ไม่ปกติของนางในที่นี่คือมีแต่คนเจ็บ ไม่มีที่แข็งแรงเลยสักคน ยกเว้นคานันกับลุงแก่ ๆ อีกคนหนึ่ง
“ที่นี่คนนอกห้ามเข้า ถึงจะเป็นญาติคนเจ็บก็ต้องรอข้างนอก” ลุงแก่ ๆ ที่นางเห็นพูดโดยไม่หันมามองด้วยซ้ำ คานันที่เพิ่งลากคนเข้ามาก็สังเกตเห็นว่ามีคนนอกอยู่ในที่นี้ด้วย
“ข้าอุตส่าห์ช่วยชายผู้นั้นไม่ให้โดนกระทืบตาย ข้าไม่มีสิทธิ์มาดูคนที่ข้าช่วยชีวิตเลยรึ”
คานันจ้องหญิงสาวแปลกหน้า เสียงของนางช่างคุ้นนัก เสียงเหมือนว่าที่รานีซึ่งตอนนี้ควรจะอยู่ในปราสาทมากกว่ามาอยู่ในสถานที่อโคจรเช่นนี้ คานันยังคงมองเฟยาให้แน่ชัด แต่ผมที่ปิดบังใบหน้าเสียครึ่งหนึ่งทำให้นางไม่แน่ใจว่าจะใช่ท่านเฟเรียรึเปล่า นางมองเฟยาอย่างถี่ถ้วนตั้งแต่ใบหน้า เสื้อผ้า รองเท้า ...แล้วร่างกายนางก็เย็นวาบตั้งแต่ศีรษะลงมา
“ท่านเฟเรีย” น้ำเสียงเบาหวิวคล้ายคนขาดอากาศ คานันผงะก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว เสื้อผ้าชุดนี้นางเป็นคนเตรียมเองกับมือ ทำไมนางจะจำไม่ได้ ...ตายแน่เลยงานนี้ กว่าจะหาทางเข้าไปทำงานในปราสาทได้ใช่ว่าจะง่าย นี่ยังถูกจับได้ว่าทำงานในบ่อน นางต้องโดนไล่ออกแน่ ๆ
“ใช่” ครั้นจะห้ามปากตนเองก็ไม่ทันเสียแล้ว นางแค่จะพูดว่าไม่ใช่ แต่เพราะเวทย์ของท่านพ่อดันทำให้นางพูดออกไปตรงกันข้าม
“ไม่ ไม่ใช่” คานันกลับคำเสียอย่างนั้น ท่านเฟเรียมีรูปโฉมงดงามโดดเด่น ไม่มีทางที่จะเข้ามาในสถานที่แห่งนี้แล้วไม่มีใครสังเกตเห็น
เฟยาเอามือป้ายผมที่ปิดใบหน้าขึ้น เผยดวงหน้างดงามให้สาวใช้ประจำตัวได้เห็นชัด ๆ ก่อนจะเอาลง สร้างความตะลึงและตกใจให้แก่นาง
เป็นท่าน คราวนี้นางแย่แน่แล้ว คงต้องระเห็จตัวเองออกจากปราสาทเพราะหญิงรับใช้ในปราสาทมีกฎอยู่ว่าห้ามทำงานอื่นใดนอกจากงานภายในปราสาท คนหนึ่งคนต้องรับผิดชอบงานของตัวเองอย่างสุดกำลังห้ามให้งานอื่นมาแบ่งความสำคัญไปได้
ความลับของนางถูกเปิดเผยแล้ว ในเมื่อนางทำผิดกฎก็ไม่สามารถอยู่ในปราสาทต่อได้อีก
คานัน เจ้าทำอะไรอยู่รีบมาช่วยข้าเร็ว ชายแก่เรียกคานันให้เข้าไปช่วยกันจับคนบาดเจ็บที่ดิ้นทุรนทุรายเพราะโดนคำสาปเข้า
คานันสองจิตสองใจระหว่างจะรีบเข้าไปช่วยหรือจะยืนนิ่งอยู่ตรงนี้ดี จะเข้าไปช่วยตอนนี้ก็ดูจะประเจิดประเจ้อไปหน่อยหลังจากโดนจับได้ แต่ทางนั้นก็น่าห่วง
คานัน เสียงเรียกครั้งที่สองยิ่งทำให้นางลนลานยิ่งขึ้น สุดท้ายนางก็ตัดสินใจเข้าไปช่วยจับคนเจ็บ ก็ไหน ๆ จะต้องโดนไล่ออกจากปราสาทอยู่แล้ว จะให้โดนไล่ออกจากที่นี่อีกที่นางก็คงจะไม่มีงานให้ทำ
เฟยาเดินตามคานันเข้าไปดูการรักษาใกล้ ๆ ชายที่กำลังดิ้นทุรนทุรายถูกจับตรึงแขนและขา ใบหน้าดำคล้ำกรีดร้องออกเป็นระยะ ๆ
เจ้าไปตามหาคนร่ายคำสาปมาเดี๋ยวนี้เลยคานัน ลุงแก่ออกคำสั่งเด็ดขาด
แล้วข้าจะไปตามหาได้ที่ไหนเล่า ชายคนนี้จู่ ๆ ก็ล้มลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยจนต้องถูกลากเข้ามาในห้องรักษานี้ แล้วนางจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาไปเหยียบหางใครเข้าจนต้องโดนคำสาป
คนที่ร่ายคำสาปตอนนี้ต้องอยู่นิ่ง ๆ เท่านั้น ไม่สามารถมขยับเขยื้อนตัวได้ เจอตัวแล้วให้พามาที่นี่ให้เร็วที่สุด จำไว้ว่าต้องรีบหาให้เร็วที่สุด หากช้าเกินไปชายคนนี้ได้ตายแน่
ดะ ได้ คานันรีบวิ่งออกไปตามคำสั่งอย่างไม่รีรอ เฟยาก็ตามหลังนางไปเช่นกันเหมือนว่าจะมีเรื่องสนุก ๆ รอให้นางได้ชม
เฟยาเดินตามคานันเสียทั่วรอบสนามมองดูท่าทางร้อนรนของนางที่คอยมองหาคนที่ไม่ยอมขยับตัวตามคำสั่ง แต่คนออกจะเยอะขนาดนี้ การตามหาไม่ใช่เรื่องง่าย เลยพลอยทำให้นางอดที่จะช่วยมองหาอีกแรงไม่ได้ และทันใดนั้นคานันก็รีบวิ่งขึ้นไปบนอัฒจรรย์ที่นั่ง เป้าหมายคือชายที่เอาแต่นั่งผิดวิสัยต่างจากคนอื่น ที่พากันลุกส่งเสียงตะโกนโห่ร้องเชียร์คนในสังเวียน
ท่านช่วยมากับข้าเถอะ ไม่ชักช้ารีรอคานันคว้าคอเสื้อชายผู้นั้นแล้วพยายามลากเขาให้เดินตาม แต่มันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดในเมื่อชายผู้นั้นขัดขืนเต็มกำลัง เฟยาสังเกตเห็นว่าเขาค่อย ๆ โก่งตัวเข้าหากันดูเหมือนคนที่กำลังได้รับความเจ็บปวดทรมาน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงสามารถฝืนตัวเองให้ขัดขืนคานันได้
หากเจ้าเข้ามาใกล้ข้าอีกครั้ง ข้าจะสาปเจ้าเสีย
ได้ยินดังนั้นหญิงสาวผู้เก่งกล้ากลับหยุดชะงัก ชีวิตคน ๆ หนึ่งอยู่ในมือนาง นางต้องแข่งกับเวลาเพื่อช่วยเขา ...แต่ว่านางไม่อยากถูกสาปนี่
ชายผู้นั้นเห็นคานันชะงักไม่กล้าเดินเข้ามาหาเขา ก็ลำพองคิดว่าตนเป็นฝ่ายได้เปรียบ จึงได้พูดขึ้นมาว่า กลับไปเสีย หากยังอยากมีชีวิตอยู่ ก็ไปให้พ้นหน้าข้าเสียเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นข้าจะสาปเจ้าให้ ยังไม่ทันสิ้นคำ ฉับพลันชายผู้นั้นกลับลอยละลิ่ว กลายเป็นจุดสนใจพาให้ใครต่อใครมองตามจนเขาไปตกอยู่ที่หน้าห้องรักษา
“รีบไปสิ” เฟยาเห็นคานันยืนนิ่งจึงรีบบอกให้นางไปก่อนที่ชายผู้นั้นจะหนีไปได้
คานันรีบวิ่งตรงดิ่งไปที่ห้องรักษาของบ่อน เมื่อไปถึงนางก็รีบคว้าคอเสื้อชายผู้นั้นแล้วใช้แรงเท่าที่มีออกแรงลากพาเขาไปหาหมอประจำบ่อน
“ข้าพาเขามาแล้ว” นางพูดพลางหอบแฮ่ก
ลุงแก่มองหน้าคนที่คานันลากมาแล้วออกคำสั่งเสียงดัง “แก้คำสาปซะ”
“ไม่” น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวแฝงความแค้นเคืองเปล่งออกมา “มันเป็นชู้กับเมียข้า ข้าสาปมันก็สมควรแล้ว ข้าไม่มีทางแก้คำสาปมันมันเด็ดขาด หัวเด็ดตีนขาดข้าก็ไม่แก้”
“ตามใจเจ้า” ลุงแก่หมอประจำบ่อนได้ยินแล้วพูดออกมาเนือย ๆ หากชายผู้นี้ไม่เต็มใจถอนคำสาปก็ช่าง วิธีถอนคำสาปไม่ได้มีวิธีเดียวเสียหน่อย “คานันกรีดเลือดเจ้าหมอนั่นออกมาซะ” เขาสั่ง
“วะ ว่ายังไงนะ จะให้ข้ากรีดเลือดเขาเหรอ” แล้วทำไมถึงต้องเลือดตกยางออกกันด้วยแล้ว
“เร็ว ๆ เข้า”
                “ไม่ข้าไม่ยอม” ชายผู้ถูกจับอยู่ก็ไม่ยอมง่าย ๆ เช่นกัน “ถ้าพวกเจ้าทำอะไรข้า ข้าจะสาปพวกเจ้าซะ”
                “ถ้ายังมีแรงสาปคนอื่นได้ก็เอาเลย ...เอ้า คานันรีบกรีดเลือดออกมาซะ เดี๋ยวก็ได้มีคนตายหรอก เอาที่ข้อมือเลยนะ”
                “ได้ ๆ” คานันชักมีดสั้นที่เหน็บติดตัวไว้ออกมา อีกมือหนึ่งจับข้อมือชายผู้นั้นขึ้นสูงหมายจะกรีดเส้นเลือดทีข้อมือ
                “ยอม ๆ ข้ายอมแล้ว” ชายผู้นั้นร้องเสียงหลง เพราะผลข้างเคียงของคำสาปทำให้ตอนนี้เขาไม่มีแรงแม้แต่จะขัดขืน และหากถูกกรีดเลือดเพื่อนำไปถอนคำสาป สิ่งที่สาปไปก็จะสะท้อนเข้าตัวเขาจนทำให้ถึงตายได้ สู้ยอมถอนคำสาปให้ไอ้ชายชู้ดีกว่ายอมให้ตัวตาย วันหน้าแก้แค้นยังไม่สาย
                “ยอมตั้งแต่แรกจะได้ไม่เสียเวลา เร็ว ๆ เข้า”
                แค่การร่ายเวทย์ไม่กี่บทก็ถอนคำสาปได้อย่างง่ายดาย คนที่กำลังทรมานเพราะโดนคำสาปก็สงบลงทันควัน เฟยาเพิ่งประจักษ์แก่ตาวันนี้เอง ว่าโลกภายนอกก็ไม่ได้มีเรื่องสนุกสนานอยู่เสมอไป แต่ก็ถือเป็นบุญตาที่ได้มาเห็นในสิ่งที่ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เห็น
                เฟยารอให้คานันรักษาคนเจ็บจนหมดถึงค่อยลากนางให้กลับปราสาทพร้อมกัน คานันที่กำลังสองจิตสองใจไม่รู้ว่าควรจะอัปเปหิตนเองออกจากปราสาท หรือทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กลับปราสาทพร้อมนายของตนดี เอาแต่ยืนกระสับส่ายไม่รู้ว่าควรจะตัดสินใจยังไงดี แต่พอได้ยินนายของตนพูดขึ้นมาว่าไม่รู้ทางกลับปราสาท นางก็ได้แต่กลับไปอย่างไม่มีทางเลือก
                “ท่านเฟเรีย ข้าคงมาส่งท่านได้เพียงเท่านี้” คานันเอ่ยขึ้นมานางพาเฟยามาจนถึงทางลับที่ใช้เข้าออกจากปราสาท “ที่นี่มีกฎว่าห้ามทำงานอื่นใดนอกจากงานปราสาท ในเมื่อข้าโดนท่านจับได้แล้ว ข้าก็ไม่สามารถทำงานอยู่ในปราสาทได้อีกต่อไปแล้ว”
                “ข้าไม่ถือหรอกเรื่องแค่นี้ เจ้าไม่พูดข้าไม่พูด ใครจะรู้ เร็วเข้าเถอะข้ายังไม่อยากโดนคีลจับได้” เฟยาคว้าข้อมือคานันให้เดินไปด้วยกัน เมื่อถึงห้องเฟยาก็รีบให้คานันช่วยหาผ้าให้นางผลัดเปลี่ยน
                ที่บ่อนมีแต่กลิ่นเลือดคละคลุ้งโดยเฉพาะห้องรักษา ตัวนางก็มีได้กลิ่นจากที่นั่นติดตัวมาด้วยจึงต้องรีบชำระร่างกายและผลัดเปลี่ยนผ้าโดยด่วน
คานันกุลีกุจอช่วยเฟยาอย่างเร่งรีบ ขณะเดียวกันนางก็ซึ้งน้ำใจเฟยานักเพราะนางเองก็ยังไม่อยากเสียงานในปราสาทไป นางมีหนี้สินกองโตรอให้ชดใช้และงานในปราสาทก็ให้เงินดีแถมยังมีที่อยู่ที่กินให้ คาดว่าทำงานไม่นานนางก็สามารถชดใช้หนี้กองโตได้หมด
 คานันถือเสื้อผ้าชุดใหม่กำลังนำไปให้เฟยาที่ด้านหลังฉากบังตา พอดีกับองค์รายาเข้ามาในห้องอย่างเงียบ ๆ แล้วยื่นมือมารับเสื้อผ้าของเฟยาไปก่อนจะไล่นางออกจากห้อง
ด้านหลังฉากบังตามีไอน้ำลอยคละคลุ้งไปทั่ว เห็นแล้วทำให้นึกถึงเมื่อครั้งเจอเดวาของเขาที่เซาท์การ์ด เมื่อตอนนั้นเขาเห็นนางแช่ตัวอยู่ที่บ่อน้ำร้อนแล้วเผลอหลับจนเกือบจมน้ำ
ส่วนตอนนี้...ก็ไม่ต่างกัน นางเอนศีรษะพาดขอบสระแล้วหลับตาพริ้มท่าทางมีความสุข
คีลพาดเสื้อผ้าของเฟยากับฉากบังตา แล้วลงมือปลดเสื้อผ้าของตนออกจนหมด จากนั้นก็พาตนเองลงสระน้ำอุ่น เสียงน้ำและสัมผัสที่เคลื่อนไหวทำให้เฟยาออกจากภวังค์ลืมตามองบุรุษเบื้องหน้า
“เจ้า! เจ้า!” เฟยารีบหดตัวลงน้ำโผล่มาแค่คอกับศีรษะ สองมือมิดหน้าอกตนเอง สองตาเบิกกว้างมองบุรุษท่าทางดินเถื่อนที่กำลังพากายเข้ามาใกล้นาง “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยคีล เจ้าลงมาได้ยังไงข้ากำลังอาบน้ำอยู่นะ”
“ข้าก็อยากอาบเหมือนกันนี่ ให้ข้าอาบเป็นเพื่อนเจ้าไม่ดีหรือ”
“ไม่ดี ...นี่ ข้าบอกว่าอย่าเข้ามายังไงเล่า” เขาไม่ฟังที่นางพูดแม้แต่น้อย ซ้ำยังเข้าใกล้นางเรื่อย ๆ จนสุดท้ายเป็นนางที่ต้องเป็นฝ่ายหันหลังหนีเขา
ทว่าชายหนุ่มไวกว่า เขารีบคว้าเอวบางเข้ามาแนบตัวจนแผ่นหลังเนียนสัมผัสกับอกแน่นตึงจนแทบไม่มีที่ว่าง เนื้อแนบเนื้อ กลิ่นกายหอมกรุ่นอยู่ตรงหน้ารอให้สัมผัส เขาอดใจไม่ไหวฝังจมูกกับซอกคอหนัก ๆ พร้อมกับแรงรัดที่เพิ่มมากขึ้น
เฟยาระทวยอยู่ภายใต้อ้อมแขนแข็งแกร่ง ทุกสัมผัสอันจาบจ้วงทำให้นางเกิดอารมณ์หวามไหว อยากให้เขาสัมผัส อยากแนบชิดให้มากขึ้น เฟยาค่อย ๆ หันตัวกลับเข้าหาเขา เอื้อมมือสัมผัสใบหน้าคมคายนั่นและจูบเบา ๆ ที่ริมฝีปากอย่างเคอะเขิน ...นางอยากสัมผัสเขา
ไฟในกายถูกจุดด้วยสัมผัสบางเบา สองกายโรมรันปล่อยใจไปตามอารมณ์พิศวาสที่ช่วยกันก่อ ไอน้ำสีขาวบางลอยล่องเหมือนภาพฝัน แต่เป็นฝันที่สัมผัสได้ รู้สึกได้และอิ่มเอิบใจ
ขณะกำลังเคลิบเคลิ้มความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ร่างบางแข็งเกร็ง เล็บจิกกลางแผ่นหลังจนเป็นเกิดรอย
“ข้าจะอ่อนโยนกับเจ้า” คีลจูบพรมใบหน้าหญิงที่รักค่อย ๆ ขยับกายอย่างนิ่มนวล แรก ๆ เฟยาก็รู้สึกเจ็บแต่ในความเจ็บกลับมีความวาบหวามปนอยู่ด้วย จนท้ายที่สุดนางรู้สึกเพียงความวาบหวามที่เกิดขึ้นขึ้นเรื่อย ๆ

ร่างบางซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มหนามีท่อนแขนกำยำโอบกอดทะนุถนอมไม่ยอมให้ห่างกาย ผิวเนียนละเอียดถูกฝ่ามือหนาลูบไล้ไปทุกสัดส่วน ผิวขาวอมชมพูชวนให้สัมผัสน่ามองไปทุกสัดส่วน
“เป็นความผิดของเจ้าที่ทำให้ข้าอดใจไว้ไม่อยู่” มือหนาลูบไล้วนเวียนอยู่บนสะโพกงามงอน “เจ้างดงามเกินไป เย้ายวนเกินไป มีเสน่ห์เกินไป ...เจ้าทำให้ข้าไม่อยากอยู่ห่างเจ้า”
“หากข้าผิดนัก ต่อไปข้าจะอยู่ให้ห่างจากเจ้า ดีไหม” นัยน์ตานางปิดสนิทเพราะความอ่อนเพลีย แต่สัมผัสที่คอยวนเวียนอยู่ทั่วกายคอยปลุกนางจากภวังค์อยู่ร่ำไป
“ทางที่ดีเจ้ายอมรับโทษจากข้าจะดีกว่า” ฝ่ามือที่กำลังลูบไล้สะโพกกดหนัก ๆ สื่อความต้องกายของกายที่เริ่มตื่นตัว ปากได้รูปจูบพรมไปทั่วลำคอระเรื่อยลงมา...
“เจ้า” นางสะดุ้งเฮือกเมื่อลิ้นอุ่นลากผ่านสัมผัสไปทั่วร่างบางจนหยุดอยู่ที่ปทุมถันทั้งสองข้าง สองมือถูกตรึงไว้กับที่นอนมีเพียงสัมผัสอุ่นชื้นที่สัมผัสกับผิวเนียน ราวกับนางกำลังถูกเขากลืนกิน สำลักความสุขแทบขาดใจ
จนเมื่อร่างกายของหญิงสาวพร้อม เขาก็ไม่อาจรั้งรอปลดปล่อยความต้องกายที่ร้อนรุ่มอยู่ในกาย พานางไปสู่อีกดินแดนที่มีเพียงเขาและนาง

รุ่งเช้าเฟยาถูกปลุกด้วยจุมพิตเนิ่นนานแสนหวาน จะไม่ตื่นตัวก็ไม่ได้เพราะมือซุกซนอยู่ไม่สุขจริง ๆ จนนางต้องตะครุบมือหนานั่นไม่อย่างนั้นวันทั้งวันคงไม่ต้องลุกออกไปไหนกันพอดี
“ข้าอดกลั้นมาตั้งนาน แค่เมื่อคืนไม่เพียงพอสำหรับข้าหรอกนะ” เขากระซิบที่ข้างหูนางเป็นผลให้ถูกกำปั้นน้อย ๆ ทุบที่หน้าอก ก็นางแสนจะเย้ายวนขนาดนี้จะให้เขาผละจากนางง่าย ๆ ได้อย่างไร
“พูดมากจริง แล้วองค์รายาเช่นเจ้าไม่ต้องออกว่าราชการหรืออย่างไร มัวแต่ขลุกอยู่กับข้าเดี๋ยวใครต่อใครได้ครหาว่าข้าทำให้เจ้าเสียคนหรอก”
“เจ้าสนใจทำครหาคนอื่นด้วยรึ”
“ไม่” นางก้มหน้างุด คำตอบของนางก็เหมือนคำสารภาพกลาย ๆ ว่านางอยากให้เขาอยู่กับนางมากกว่าไปว่าราชการ
ท่าทางของนางช่างน่ารักนัก ไหนจะดวงตาซุกซน ไหนจะปากอิ่มแดงน่าชิม แล้วยังผิวนุ่มที่เสียดสีกับเขาอย่างไม่ตั้งใจนั่นอีก เขาไม่อาจตัดใจผละจากร่างอันเย้ายวนได้เลย
“เห็นทีข้าคงต้องเลื่อนประชุมการคัดเลือกองครักษ์ออกไปก่อนเสียแล้ว” มือหนารั้งร่างงามให้แนบชิดยิ่งขึ้น ปากได้รูปหวังฉกชิมความหวานตรงหน้า
“เดี๋ยว ๆ เจ้าว่าอะไรนะ” เฟยาใช้แขนทั้งสองข้างยันตัวออก “เจ้าว่าคัดเลือกองครักษ์หรือ”
“ทำไม” เหตุใดนางถึงถาม โดยเฉพาะเวลาอย่างนี้
“ตอบข้ามาสิ”
“อีก 1 เดือนข้างหน้าจะมีการคัดเลือกองครักษ์ ตำแหน่งนี้สำคัญมากเพราะเป็นองครักษ์ประจำตัวข้า และจะต้องเป็นคนที่ข้าไว้ใจได้ เป็นมือเท้าให้ข้าได้”
“แต่เจ้าก็มีซาร์กอยู่แล้วไม่ใช่รึ” เวลาเขาไปไหนต่อไหน ซาร์กผู้นั้นก็จะคอยติดตามเขาเป็นเงาตามตัวตลอด บางทีในเวลานี้คนผู้นั้นอาจกำลังยืนอยู่หน้าห้องนางก็เป็นไปได้
“ยิ่งมีคนที่สามารถไว้ใจได้มากเท่าไรก็ยิ่งดีมิใช่หรือ อีกอย่าง...ซาร์กเป็นคนเดียวที่ข้าไว้ใจให้ทำงานสำคัญแทนได้ เขาต้องไปทำงานตามคำสั่งข้าอยู่บ่อยครั้ง เพราะเหตุนี้ทำให้มีการคัดเลือกองครักษ์มาทำหน้าที่แทนเขา ที่จริงเรื่องคัดเลือกนี่ก็เป็นความคิดของซาร์ก เขาอยากให้ข้าให้ข้ามีคนไว้ใจได้อยู่ข้างกาย”
“แล้วข้าล่ะ” นางกระตือรือร้นที่จะถามออกไป คีลจับน้ำเสียงและแววตาของนางได้จึงรีบปฏิเสธโดยทันควัน
“ไม่ได้” อย่าคิดนะว่าเขาไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไร “การคัดเลือกครั้งนี้ซาร์กกับข้าจะเป็นคนคัดเลือกและตัดสินด้วยตัวเอง ข้ารับรองว่าเจ้าจะเป็นคนแรกที่ตกรอบ” วิธีการคัดเลือกองครักษ์ไม่ใช่ง่าย ๆ เต็มไปด้วยอันตรายนานับ แล้วเขาจะปล่อยให้นางไปเจอกับอันตรายได้อย่างไร
“เจ้าเป็นถึงรายา ไม่สามารถตัดสินอย่างอยุติธรรมได้หรอก” นางยิ้ม มีหรือที่เขาจะห้ามนางได้ ...เป็นองครักษ์อยู่ข้างกายเขา ...ก็ไม่เลวนะ
“ถ้าเจ้าไม่ฟัง...” อ้อมแขนแกร่งกระชับแน่นขึ้น “ข้าคงไม่สามารถปล่อยให้เจ้าลุกไปไหนง่าย ๆ ได้”
“เจ้า...คนเจ้าเล่ห์” นางไม่อาจทัดทานการกระทำอันแสนวาบหวามของเขาได้ ร่างกายอ่อนระทวยอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ทุกอณูของผิวเนียนนุ่มดั่งไฟลามเลียเมื่อริมผีปากและลิ้นอุ่นลากผ่าน สัมผัสอันแสนหวานแต่ร้อนดั่งไฟทำให้นางแทบขาดใจ เสียงครางดังออกมาเป็นระยะ ๆ ปลดปล่อยความอัดอั้นที่อยู่ในกายออกมา บรรเลงจังหวะรักไปพร้อมกับร่างแข็งแกร่งที่เป็นผู้นำ
“ข้ารักเจ้า เดวาของข้า”


4 ความคิดเห็น:

  1. ความสุขจะอยู่แบบนี้ได้อีกนานแค่ไหนนะ เมื่อไหรความจริงทุกอย่างจะเปิดเผย รอตอนต่อไปนะ เค้าติดตามเรื่องนี้อยู่จร้า

    ตอบลบ
  2. ติดตาม ติดหนึบเลย ชอบสุดจร้า

    ตอบลบ
  3. ติดตาม ติดหนึบเลย ชอบสุดจร้า

    ตอบลบ
  4. ไม่อัฟต่อแล้วเหรอคะ

    ตอบลบ