หน้าเว็บ

บทนำ


รถยุโรปคันหรู ได้แล่นเข้าสู่คฤหาสน์ "พิพัฒธนกุล" คฤหาสน์หลังใหญ่ ที่บริเวณกว้างขวางและร่มรื่นไปด้วยต้นไม้นานาชนิด บ่งบอกถึงฐานะของเจ้าบ้านได้อย่างดี
            เมื่อรถจอดสนิทหน้าตัวคฤหาสน์ ไม่นานก็มีชายหญิงอายุประมาณ 40 กว่า คู่หนึ่งมายืนรอรับเจ้านาย แต่คนที่ลงมาจากรถกลับไม่ใช่เจ้านายของตน แต่เป็นเด็กผู้หญิงวัยรุ่นหน้าตาน่ารักสดใส คนหนึ่งแทน เด็กน้อยเบิกตากว้างจ้องมองคฤหาสน์อย่างตื่นตา ตื่นใจ อยู่นาน จนมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
            "ลดาชอบบ้านหลังนี้ไหมคะ" เสียงของนายธีรวุฒิ  เมธากุล เจ้าของบ้านคนปัจจุบันของของคฤหาสน์พิพัฒนกุล หันไปถามเด็กสาวที่ตากำลังเป็นประกาย
            "ชอบค่ะ ชอบมากๆ เลยค่ะคุณพ่อ ลดากับคุณแม่จะได้อยู่บ้านหลังนี้จริงๆ เหรอคะ" เด็กสาวถามออกไปเพื่อความแน่ใจ เพราะเธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าในชีวิตนี้เธอจะได้อยู่บ้านหลังใหญ่ และสวยงามขนาดนี้มาก่อน
            "จริงสิคะ เราจะย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ด้วยกันไงคะ" ธีรวุฒิพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและเปี่ยมสุข
            "เย้... ลดารักคุณพ่อที่สุดเลย แล้ว...คุณพ่อจะอยู่กับลดาที่นี่ด้วยรึเปล่าคะ" นาฏลดาถามออกไปด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย เพราะก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่นี่ ลดาและแม่ของเธอได้อาศัยอยู่ที่คอนโดที่พื้นที่ใช้สอยไม่ได้มากมายแถวชานเมืองกันสองคนแม่ลูก ส่วนพ่อก็จะมาหาเธอบ่อยๆ แต่ไม่เคยอยู่ค้างกับเธอและคุณแม่เลย
            "แน่นอนค่ะ คุณพ่อจะอยู่กับลดากับคุณแม่ที่บ้านหลังนี้ ต่อไปนี้ลดาไม่ต้องเหงาอีกแล้วนะคะ" ได้ยินดังนั้นนาฏลดาก็เข้าสวมกอดผู้เป็นพ่อทันที  สำหรับเธอแล้วครอบครัวที่ได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าต่างหากที่ทำให้เธอดีใจที่สุด
            "เราเข้าไปในบ้านกันเถอะค่ะ" ธีรวุฒิจูงมือของเด็กสาว และนางอรวี ภรรยาของตน ที่ถึงแม้ว่าอายุของเธอจะเลยเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว แต่ใบหน้าของเธอก็ยังคงดูสวยงามไม่เปลี่ยน
            ทั้งสามได้เดินจูงมือกันเข้าสู่คฤหาสน์ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
            เมื่อเดินเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ที่ถูกตกแต่งไว้อย่างโอ่อ่า อรวีที่เดินตามหลังสองพ่อลูกก็อดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆ โถงกว้างขวางแห่งนี้ โดยเฉพาะแชนเดอเลียร์คริสตัลขนาดใหญ่ที่ห้อยลงมาจากเพดานสูง ยิ่งทำให้รู้สึกถึงความหรูหราและฐานะอันมั่งคั่ง ยิ่งเมื่อคิดว่าตนเองจะได้เป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้แล้วก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นจนมือไม้สั่นไปหมด
            ทว่าความสุขที่เพิ่งก่อกลับถูกทำลายลงด้วยเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่กับพื้น ขีดๆ เขียนๆ บางอย่างอยู่บนโต๊ะกระจกตัวเตี้ยซึ่งคาดว่าน่าจะทำการบ้านอยู่
            "วี..." เสียงเรียกของธีรวุฒิ ทำให้เด็กผู้หญิงที่กำลังมีสมาธิอยู่กับการบ้านหันมาต้นทางของเสียงด้วยด้วยสนใจ แต่แล้วก็เห็นว่าผู้เป็นพ่อกำลังเดินจูงมือผู้หญิงและเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งมาทางเธอ
            "วี นี่...น้าอรวี และ นาฏลดา ต่อไปนี้น้าอรและลดา จะมาเป็นแม่แล้วก็น้องสาวของวีนะ" ธีรวุฒิกวักมือเรียกเมธาวี ลูกสาวอีกคนหนึ่งของตนให้มาหา และแนะนำทั้งสองให้เมธาวีรู้จักในฐานะสมาชิกใหม่ในครอบครัว
            เมธาวีจ้องมองทั้งสองคนอยู่นานอย่างสำรวจ ก่อนจะยกมือไหว้และกล่าวคำทักทายแก่ผู้สูงวัยกว่า และหันไปมองน้องสาวคนใหม่พร้อมกล่าวคำทักทาย
            นาฏลดาไม่ได้ทักทายกลับ เธอกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก เมื่อจู่ๆ พ่อก็พาเธอกับแม่ย้ายมาอยู่ที่นี่ บ้านหลังใหญ่ แล้วจู่ๆ เธอก็มีพี่สาวเพิ่มขึ้นมา ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วจนเธอตามไม่ทัน ถึงแม้ว่านาฏลดาจะยังไม่เข้าใจอะไรมากนัก แต่สุดท้ายก็ยอมทักทายกลับไปเพราะกลัวเสียมารยาท

            ก่อนหน้าที่ธีรวุฒิจะพาแม่อรวีและนาฏลดามาอยู่ด้วย ธีรวุฒิก็ได้บอกเมธาวีล่วงหน้าแล้วว่าเขาจะพาสมาชิกใหม่เข้ามาอยู่ในบ้านเร็วๆ นี้ ตอนแรกเมธาวีแทบไม่เชื่อหู แต่คร้านจะถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แล้วพ่อก็บอกตามมาอีกประโยคว่า
            'พ่อมาบอกเราล่วงหน้า เราจะได้เตรียมตัวไว้ พ่อว่าเราจะต้องชอบทั้งสองคนนี้แน่ๆ' แล้วพ่อก็เดินจากไป
            ...นี่...พ่อมาบอกเธอล่วงหน้า
            ...บอกล่วงหน้า
            ...บอก
            ...แค่บอก ไม่ได้ถามความเห็นหรือความรู้สึกของเธอเลยสักนิดเดียวว่าเธอจะรู้สึกยังไง
            อันที่จริงเมธาวีก็รู้อยู่แล้วว่าพ่อมีภรรยาอีกคน เพราะแม่ของเมธาวีเป็นคนบอกเรื่องนี้เอง แม่ของเธอเป็นผู้หญิงหน้าตาธรรมดาเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แถมสุขภาพยังไม่แข็งแรง แต่...แม่ของเธอร่ำรวย ตระกูลพิพัฒนกุลของแม่ เป็นตระกูลที่ร่ำรวยตั้งแต่บรรพบุรุษ ทำกิจการค้าขายมาหลายต่อหลายรุ่นอีกทั้งลูกหลานก็มีไม่มากไม่มายจึงทำให้ทรัพย์สมบัติไม่กระจายไปไหน และต่อให้ลูกหลานรุ่นหลังๆ เปลี่ยนจากทำการค้ามารับราชการแทน สมบัติของตระกูลพิพัฒนกุลก็ร่อยหรอไปเพียงขี้เล็บเท่านั้น และลูกหลานรุ่นล่าสุด ถ้านับไม่ผิดก็เหลือแค่เธอ 'เมธาวี' เพียงคนเดียว
            แม่เคยบอกเธอว่า พ่อแต่งงานกับแม่เพราะต้องตอบแทนบุญคุณ ตากับยาย ตอนแรกแม่คิดว่าอยู่กันไปเดี๋ยวก็คงรักเองเหมือนอย่างโบราณเขาว่า ...แล้วแม่ก็คิดถูก เพราะแม่รักพ่อเข้าแล้ว แต่ก็ติดตรงที่ว่า พ่อไม่ได้รักแม่ แต่ดันไปรักคนอื่น
            ตอนที่แม่กำลังพูดแม่ไม่ได้มีสีหน้าของคนมีความทุกข์เลย เธอเลยถามแม่ไปว่า
            "แล้วแม่ไม่โกรธพ่อเหรอ" เพราะดูไปแล้วแม่ไม่เห็นเหมือนผู้หญิงทั่วไปที่รู้ว่าสามีนอกใจเลย
            "แม่โกรธพ่อไม่ได้หรอก ก็พ่อเขาไม่ได้รักแม่ตั้งแต่แรกแล้วนี่ แล้วจะให้แม่ไปบังคับพ่อมันก็เป็นไปไม่ได้หรอกลูก" 
            ถึงแม้ว่าตอนนั้นเมธาวีจะไม่ค่อยเข้าใจที่แม่พูดสักเท่าใด แต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร ด้วยความที่รักแม่ แม่ว่ายังไงเธอก็ว่าอย่างนั้น
            จนเธอย่างเข้า ม.3 แม่ก็ต้องจากไปพร้อมตากับยาย เพราะอุบัติเหตุระหว่างเดินทางไปโรงพยาบาล หลังจากนั้นเมธาวีก็เหลือแค่พ่อคนเดียว จนวันนี้เวลาผ่านไปได้ปีเดียว พ่อก็พาสมาชิกใหม่เข้าบ้าน
            'คงเป็นคนนี้มั้งที่แม่เคยพูดถึง' คนที่พ่อรัก
            ผู้หญิงตรงหน้าเป็นคนสวย สวยกว่าแม่เธอมากนัก ต่อให้เข้าสู่วัยกลางคนก็ยังมองเห็นความงามของเจ้าตัวอย่างชัดเจน เมธาวีไม่แปลกใจเลยถ้าพ่อจะเลือกผู้หญิงตรงหน้า แต่...สายตาที่อรวีใช้มองเธอ มันดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย แต่ก็ช่างเถอะ
            'ขอให้อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขละกัน' เมธาวีพูดกับตัวเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น