หน้าเว็บ

บทนำ

                 ท้องฟ้าดำทะมึน พายุโหมกระหน่ำ เสียงร้องโอดครวญของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงกระสับกระส่าย เม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเม็ดแล้วเม็ดเล่า ความอึดอัดทรมานไม่ยอมจากหาย เสียงกรีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่าสร้างความกังวลให้คนคนที่คอยเฝ้ารออยู่ด้านนอก
                กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
                สิ้นสุดเสียงกรีดร้อง พลันมีอีกเสียงหนึ่งแข่งขึ้นมาสร้างความตื่นเต้น ความสุขให้แก่ผู้ที่ได้ยิน
                คลอดแล้ว นางคลอดแล้ว ชายหนุ่มผลักประตูเข้าไปทันที เห็นเมียรักนอนไร้เรี่ยวแรง แต่สีหน้ายังมีรอยยิ้ม
                เมเรีย เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง
                อัสคา ลูกของเรา
                ทันใดหมอตำแยก็อุ้มทารกน่ารักน่าชังทั้งสองคนไว้ในอ้อมแขนทั้งสองข้าง คนหนึ่งยื่นให้คนเป็นพ่อได้อุ้มสมเชยชม ส่วนอีกหนึ่งวางไว้ข้างเตียงให้ผู้เป็นแม่ได้สัมผัส
                เป็นเด็กหญิงทั้งคู่ ส่วนนี่เวลาตกฟากของเด็กทั้งสองข้าจดไว้ให้แล้ว วันรุ่งพวกท่านค่อยเอาเวลาตกฟากนี้ไปให้ท่านผู้เฒ่าดู” พ่อเฒ่าที่หมอตำแยพูดถึงคือเฒ่าชราผู้มีฐานะเป็นถึงจอมเวทย์ผู้ทำนายชะตาแห่งดินแดนอีสการ์ด และผู้ปกครองดินแดนอีสการ์ดที่ใคร ๆ ต่างให้ความเคารพ
            “ขอบใจท่านหมอมาก เหนื่อยท่านแล้ว อัสคาโค้งกายลงเล็กน้อยให้หมอตำแย มือข้างหนึ่งอุ้มลูกสาวไว้อย่างทะนุถนอม รอจนหมอตำแยเดินจากไปเขาจึงเข้าไปนั่งข้าง ๆ หญิงอันเป็นที่รัก
                ไว้รอเจ้าแข็งแรงดี เราค่อยพาลูกไปหาท่านผู้เฒ่ากัน
                หญิงสาวยิ้มให้สามีก่อนจะผลอยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

               
            “อุปสรรคนานับ หากอำนาจมากล้น ผู้คนล้วนสยบให้ ชายชราผมยาวสีขาวโพลนทั้งศีรษะ หากใบหน้ายังแลดูอ่อนวัย จนไม่อาจทราบอายุที่แท้จริงได้
            อัสคาและเมเรียได้นำทารกน้อยทั้งสองมาให้พ่อเฒ่าทำนายดวงชะตา พร้อมทั้งได้นำเวลาตกฟากที่หมอตำแยจดไว้ให้ผู้เฒ่าทำนาย
                ดวงชะตานี้เป็นของเด็กคนไหนกัน ผู้เฒ่าหันมาถามสองสามีภรรยา แต่ทั้งคู่กลับเงียบ จนอัสคาเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน
                ข้าไม่แน่ใจท่านผู้เฒ่า ตอนที่หมอตำแยจดเวลาตกฟากไว้ให้ ข้าลืมถามนางว่าเวลาไหนเป็นของใคร ครั้นเมื่อข้าไปสอบถามนางอีกครั้ง นางก็ไม่สามารถตอบได้ เพราะ...เด็กสองคนนี้เหมือนกันจนแยกไม่ออก เวลานี้พวกข้าเลยไม่รู้ว่าเด็กคนไหนเกิดก่อนคนไหนเกิดหลัง
            “เมื่อเป็นอย่างนั้น ก็ช่างเถอะ ชะตาของเด็กสองคนนี้ดีนัก จะนำพาความสุขและนำโชคลาภมาแก่ครอบครัว เพียงแต่... ผู้เฒ่ามองดูทารกน้อยทั้งสองสักพักก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอีกรอบ มีคนหนึ่งที่ดวงชะตาโดดเด่นยิ่งนัก หาคนเทียบได้ยาก
                สองสามีภรรยาเริ่มมีใจโอนเอียง หากเป็นดังที่พ่อเฒ่าทำนายไว้ พวกเขาต้องรู้ให้ได้ว่าดวงชะตานั้นเป็นของลูกสาวคนใด
                แต่ทว่าเด็กสองคนนี้เหมือนกันยิ่งนัก ไม่มีตำหนิใด ๆ ที่ทำให้พวกเขาสามารถสังเกตได้ว่าคนไหนคือคนไหน
                อัสคา ท่านว่าลูกของเราคนไหนที่มีดวงชะตาโดดเด่นดังที่ท่านผู้เฒ่าทำนาย เมเรียถามความเห็นจากสามี
                ข้าก็อยากรู้เช่นกันเมเรีย แต่เด็กสองคนนี้เหมือนกันจนข้าไม่สามารถแยกออกได้ แล้วเจ้าล่ะเมเรีย เจ้าเป็นคนคลอดพวกนางออกมา เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนไหนเกิดก่อน แค่รู้ว่าคนไหนเกิดก่อนเกิดหลัง พวกเขาก็สามารถรู้ได้ว่าเด็กผู้ที่จะนำความผาสุขมาให้พวกเขานั้นคือคนไหน เพราะดวงชะตานั้นเป็นเวลาตกฟากของผู้เป็นน้อง
                ข้าเสียใจอัสคา ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน” เมเรียสีหน้าสลดลงทันที นางรู้สึกผิดเพราะนางเป็นคนคลอดลูก แต่นางกลับแยกลูก ๆ ไม่ออก
                ช่างเถอะเมเรีย อัสคาเห็นเมียรักเศร้าสลด เขาก็ไม่อาจทนเฉยได้ เราคงต้องคอยดูกันต่อไป เมื่อพวกนางเติบโต ข้าว่าเมื่อนั้นพวกเราคงได้รู้ว่าเป็นลูกคนไหน


            “อัสคา ดูนางสิ เมเรียชักชวนสามีให้หันไปดูเด็กสาวหน้าตาน่ารักผมสีน้ำตาล
                ดูเฟเรียสิอัสคา นางเริ่มควบคุมเวทมนต์ของนางได้แล้ว เมเรียกล่าวอย่างชื่นชมในตัวลูกสาว
            เด็กสาวซึ่งนั่งข้าง ๆ อยู่บนเก้าอี้จ้องเขม็งไปยังแก้วใบใหญ่ซึ่งบรรจุน้ำไว้เต็ม หากตอนนี้น้ำภายในแก้วเริ่มหมุนวนแล้วพุ่งสูงขึ้นเพียงเล็กน้อยก่อนจะคลายตัวแล้วไหลกลับลงสู่แก้วตามเดิม
                ท่านพ่อข้าทำได้แล้ว เด็กน้อยอวดผลงาน
                เก่งมากเฟเรีย อัสคาตรงเข้าไปกอดและอุ้มลูกสาวตัวน้อยอย่างรักใคร่ เขาเริ่มสอนลูกสาวทั้งสองให้ฝึกเวทมนต์
                เฟเรียเรียนรู้ได้เร็วมาก เขาสอนนางไม่นาน นางก็สามารถบังคับน้ำได้แล้ว แม้จะยังไม่คล่องนัก ผิดกับลูกสาวอีกคน
                เฟยา ถ้าเจ้าไม่อยากเรียนเจ้าบอกพ่อมาได้ เจ้าไม่ควรพาลพาโลเช่นนี้ อัสคาดุใส่ลูกสาวอีกคน เด็กน้อยซึ่งหน้าตาเหมือนกับเฟเรียที่เข้าอุ้มไว้ไม่มีผิด
                เด็กสาวนั่งนิ่งปล่อยให้พ่อดุโดยไม่โต้แย้ง อันที่จริงนางไม่ได้ฟังที่อัสคาพูดแม้แต่น้อย นางกำลังมองตรงหน้าของนางซึ่งมีแก้วน้ำใบใหญ่ซึ่งล้มเอียงกระเท่เร่ ซ้ำน้ำในแก้วยังหกเลอะเทอะเต็มโต๊ะไปหมด
                นางไม่ได้ไม่อยากเรียนดังที่พ่อของนางกล่าวหา นางตั้งใจฝึกเวทย์ตามที่พ่อสอนแต่แล้วเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นเร็วมากจนนางตั้งตัวไม่ทัน นางกำลังควบคุมน้ำในแก้ว อยากให้น้ำไหลวนสูงขึ้นอย่างที่เฟเรียทำ แต่ในพริบตานั้นเอง น้ำก็พุ่งออกมาจากแก้ว ราวกับระเบิดจนทำให้แก้วล้มเอียง แล้วหกกระจายไปทั่วโต๊ะเลอะเทอะไปหมด
                แค่พริบตาเดียวจริง ๆ
                เจ้าเช็ดโต๊ะให้แห้งเสียเฟยา แล้วเจ้าก็ไม่ควรทำตัวเช่นนี้อีก
                อัสคาและเมเรียพบว่าลูกสาวของพวกเขาสามารถใช้เวทมนต์ได้เร็วกว่าเด็กทั่วไป โดยเฉพาะเฟเรีย นางเรียนรู้ได้เร็ว และยังควบคุมอำนาจเวทมนต์ของตนเองได้ดี ผิดกับเฟยา ยามที่เขาให้นางฝึกเวทย์ นางมักจะทำข้าวของเสียหายอยู่ทุกครั้ง
                ทั้งสองเห็นพัฒนาการที่ต่างกันของเฟเรีย และเฟยา จึงปักใจเชื่อว่าเด็กในคำทำนายคงหมายถึง...เฟเรีย      หลังจากเช็ดน้ำที่หกเลอะเต็มโต๊ะเสร็จ เฟเรีย และเฟยา ต่างแยกย้ายไปวิ่งเล่นกับกลุ่มเพื่อนในวัยเดียวกัน เฟเรียไปเล่นกับหมู่เด็ก ๆ วัยเดียวกันที่ตลาด ส่วนเฟยานั้นเดินเข้าป่าต้องห้ามไป
                ป่าต้องห้ามเป็นที่อยู่ของสัตว์เวทย์ ซึ่งเป็นดินแดนที่ห้ามจอมเวทย์ทุกคนย่างกราย ยกเว้นนาง...เฟยา

                เมื่อครั้งนั้นอากาศร้อนนัก นางไม่ชอบเอาเสียเลย จึงเดินเข้าป่าหวังให้ต้นไม้ และร่มไม้ของป่าช่วยให้นางรู้สึกเย็นสบายขึ้น โดยไม่รู้แม้แต่น้อยว่าแห่งนี้เป็นป่าต้องห้าม
                เด็กน้อย ที่นี่เป็นป่าต้องห้าม ไม่ให้ผู้ใดเข้ามา แล้วเจ้าเข้ามาได้อย่างไร เฟยามองชายหนุ่มซึ่งยืนค้ำหัวนาง ดูจากหน้าตาคงอายุน้อยกว่าท่านพ่อของนาง
                ข้าเดินเข้ามาไม่เห็นมีใครบอกว่าที่นี่เป็นป่าต้องห้าม แล้ว...ป่าต้องห้ามคืออะไร เด็กน้อยถามอย่างใคร่รู้
                ก็คือป่าที่ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาน่ะสิ ไม่ว่าใคร หรือจะเป็นจอมเวทย์คนไหนก็ตาม
            นางไม่เข้าใจแม้แต่น้อย หากห้ามใครเข้ามาที่นี่ แล้วทำไมท่านอาผู้นี้ถึงได้อยู่ที่นี่ได้
                ถ้าเช่นนั้น ทำไมท่านอาถึงอยู่ที่นี่กันล่ะ
            ชายหนุ่มถึงกับพูดไม่ออกเมื่อโดนเด็กสาวยอกย้อน
                ยังไงเจ้าก็เข้ามาที่นี่ไม่ได้ กลับไปเสีย
                ข้าไปก็ได้ แต่ข้าอยากมาที่นี่อีก” นางชอบที่นี่ ในป่าเย็นสบายและสงบเงียบดีเหลือเกิน
                ที่นี่เป็นป่าต้องห้าม
                ข้าจะไม่ให้ใครเห็นว่าข้าเข้ามาที่นี่ และข้าจะไม่บอกใครด้วยว่าท่านอาอยู่ที่นี่
            ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปอีกครั้ง ไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไรดี จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขากำลังโดนเด็กตัวเล็ก ๆ ข่มขู่เอาหรือนี่
                ข้าไม่อยากเถียงกับเจ้าอีกแล้ว ออกไปจากป่านี้ซะ
                เด็กสาวออกไปจากป่าต้องห้ามอย่างว่าง่าย  และนับตั้งแต่นั้นมานางก็เข้าไปในป่าต้องห้ามอีกหลายครั้ง ได้เจอกับท่านอาแปลก ๆ เป็นประจำ
                เฟยาเจ้าไปไหนมา เสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นจากข้างหลัง
                ข้าไป... นางหยุดปากไว้ก่อน นางจะบอกใครไม่ได้ว่าเข้าไปในป่าต้องห้ามมา ข้าไปเดินเล่นแถวนี้มา เจ้าล่ะเฟเรียเจ้าไปไหนมา
                ข้าไปเล่นที่ตลาดมา ที่จริงเจ้าน่าจะไปด้วยกันนะเฟยา
                ไม่ดีกว่า” นางเข้ากับคนหมู่มากไม่ค่อยได้ นางเคยไปเล่นกับพวกเด็กที่ตลาดและเฟเรียอยู่หลายครา หากทุกครั้งเป็นนางที่ต้องโดดเดี่ยวเหมือนถูกกันออกจากกลุ่ม ทั้ง ๆ ที่หน้าตาของนางและเฟเรียไม่ต่างกัน แต่ทุกคนกลับเอาแต่เล่นกับเฟเรีย และทอดทิ้งนาง ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะอยู่คนเดียว
                ดีกว่าถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว
                เฟยา วันนี้ข้าลองแสดงเวทย์ที่ท่านพ่อสอนให้พวกนั้นดูด้วยล่ะ พวกเขาตกใจกันใหญ่เลย เฟเรียโอ้อวด พวกนางยังใช้เวทย์เหมือนข้าไม่ได้สักคน
                ข้าก็ยังใช้เวทย์ไม่ได้เหมือนกัน เฟยาบอก
                อีกไม่นานเจ้าก็จะใช้ได้ ขอเพียงเจ้าตั้งใจฝึกฝนตามที่ท่านพ่อสอน เจ้ากับข้าเป็นฝาแฝดกัน อะไรที่ข้าทำได้ ไม่มีหรอกที่เจ้าจะทำไม่ได้
                แต่ข้าก็ทำไม่ได้ เฟยาปักใจเชื่อว่านางใช้เวทย์แบบเฟเรียไม่ได้ ทั้งที่นางก็ตั้งใจฝึกฝนเช่นเดียวกับเฟเรีย
                เจ้าต้องทำได้อยู่แล้ว อาจจะช้าหน่อยแต่เจ้าก็ต้องทำได้ เฟเรียให้กำลังใจ
                ข้าก็หวังเช่นนั้น
                แต่ความหวังของเฟยาก็ต้องเป็นอันยุติ เพราะอัสคาเลือกที่จะสอนเวทย์ให้แก่เฟเรียเพียงผู้เดียว โดยให้เหตุผลว่านางไม่ตั้งใจเรียนที่เขาสอน ซ้ำยังทำลายข้าวของให้เสียหายเวลาเขาสอนอยู่เสมอ
                หากเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นตัวนางเองก็ไม่ได้ตั้งใจให้เกิด แต่ข้าวของมักจะเสียหายเพราะนางอยู่เสมอ ดังนั้นเวลาที่อัสคาสอนเวทย์แก่เฟเรีย นางก็มักจะแอบหลบเข้าไปในป่าต้องห้ามเสมอ

            เฟยานั่งคอตกอยู่ริมสระน้ำ พลางปาก้อนหินก้อนเล็ก ๆ ลงสระน้ำเรื่อย ๆ
                มานั่งทำอะไรอยู่ที่นี่ล่ะเฟยา
                ท่านอา ชายเพียงคนเดียวที่อยู่ในป่าต้องห้ามร้องทัก นับตั้งแต่วันที่เขาไล่เด็กหญิงตัวน้อยออกป่า นางก็มักจะมาวน ๆ เวียน ๆ อยู่ในป่านี้เสมอโดยไม่สนใจว่าเขาจะทัดทาน หรือเตือนอะไร จนเขาก็จนปัญญาที่จะห้ามนางเข้ามาในนี้
                ทำไมเจ้าถึงดูซึมเศร้าขนาดนี้ล่ะ
                ข้า...ท่านอา ข้าเป็นเด็กไม่ดีหรือเปล่า
                ทำไมเจ้าถึงถามอย่างนี้
                ก็...ท่านพ่อไม่ยอมสอนเวทย์ให้ข้าอีกแล้ว สอนให้แต่เฟเรีย ท่านพ่อคงเห็นข้าไม่เอาไหน เวลาฝึกเวทย์ทีไร ข้ามักจะทำข้าวของเสียหายอยู่เรื่อย
            ชายหนุ่มนึกแปลกใจนัก ที่เด็กตัวแค่นี้ต้องมาหัดฝึกเวทย์ นางไม่เด็กเกินไปหรอกหรือ
                ทำไมพ่อเจ้าถึงรีบสอนเวทย์ให้เจ้านัก ข้าว่าเจ้ายังเด็กเกินไปที่จะเรียนรู้ด้วยซ้ำ
                ข้าก็ไม่รู้ ท่านพ่อให้ฝึกข้าก็ฝึก แต่ว่า...ข้าทำไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เฟเรียทำได้ แต่ข้ากลับทำไม่ได้
            เฟยาหน้าเสียอีกครั้ง คราวนี้นางทำท่าเหมือนจะร้องไห้
                แล้วเฟเรียที่เจ้าว่าคือใครกัน ชายหนุ่มถาม
                นางเป็นฝาแฝดของข้าเอง หน้าตาเหมือนกับข้าทุกอย่างเลย
                เจ้ามีฝาแฝดด้วยรึ
                ใช่แล้ว ท่านรู้ไหม เฟเรียเก่งมากเลยนะ เวลาท่านพ่อสอนเวทย์ให้ นางก็ทำได้ทุกอย่างเลย เมื่อพูดถึงแฝดของตน เฟยาก็ร่าเริงขึ้นมาทันที นางเก่งมาก ๆ เลยนะท่านอา นางยังบอกกับข้าเลยว่าเพื่อนคนอื่น ๆ ก็ยังทำไม่ได้เหมือนนาง ข้า...ข้าอยากทำได้เหมือนนางบ้าง แต่ข้าก็ทำไม่ได้” เฟยากลับมาซึมเศร้าแบบเดิม
            “อีกหน่อยเจ้าก็ทำได้ ชายหนุ่มปลอบ ตอนนี้เจ้ายังเด็กเกินไป รอให้โตอีกหน่อยเจ้าก็ต้องทำได้เหมือนแฝดของเจ้า เจ้าไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก
                แต่ตอนนี้ ท่านพ่อไม่ยอมสอนเวทย์ให้ข้าแล้วน่ะสิ ท่านพ่อบอกว่าจนกว่าข้าจะฝึกเวทย์ที่ท่านสอนได้สำเร็จ ท่านพ่อถึงจะสอนข้าต่อ
            “แล้วพ่อเจ้าสอนอะไรให้เจ้าบ้างล่ะ
                ท่านพ่อสอนให้ควบคุมน้ำ ท่านเทน้ำใส่แก้วใบใหญ่ เฟยายกมือกะขนาดของแก้วใบใหญ่ด้วยมือเล็ก ๆ แล้วหันหน้าไปทางสระน้ำ จินตนาการว่ามันคือแก้วที่บรรจุน้ำอยู่
                แล้วท่านพ่อก็บอกให้รวบรวมสมาธิไปที่น้ำในแก้ว แล้วค่อย ๆ บังคับให้น้ำไหลวนสูงขึ้น
                ทันใดนั้น น้ำในสระเกิดเป็นน้ำวนรัศมีกว้าง แล้วม้วนเกลียวพุ่งสูงขึ้นเป็นเสาน้ำวนขนาดใหญ่ จนคนทั้งสองตกใจ แต่ไม่นานสายน้ำอันรุนแรงก็คลายตัวตกลงมาเป็นสายฝนในช่วงสั้น ๆ
                ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าเสาน้ำเมื่อสักครู่เกิดขึ้นได้อย่างไร เขาไม่ใช่คนสร้างมันขึ้นมา แต่ในที่นี่ก็มีเพียงเขาและเฟยาเท่านั้น ...หรือว่าจะเป็นเฟยา
                ไม่น่าเป็นไปได้ นางยังเด็กเกินไป ไม่น่ามีพลังมากมายขนาดนี้ แต่นอกจากนางก็ไม่มีใครแล้ว
            “ข้าทำได้แล้วท่านลุง ข้าทำได้แล้ว เฟยาตื่นเต้นดีใจ ในที่สุดนางก็ทำได้
                ชายหนุ่มข้องใจนัก จึงขอให้เฟยาลองแสดงเวทย์เมื่อสักครู่ให้ดูอีกครั้ง คราวนี้นางตั้งใจมาก แล้วสายน้ำก็พากันไหลวนสูงขึ้นเป็นเสาน้ำวนต้นใหญ่กว่าเดิมและสูงกว่าเดิม
                ชายหนุ่มยิ้มออกมาเหมือนเจอสมบัติล้ำค่า เด็กคนนี้มีอำนาจมากมายมหาศาลตั้งแต่ยังเด็ก พลังเวทย์ของนางเทียบเท่าได้กับจอมเวทย์ระดับสูงเลยทีเดียว
                เพียงแต่นางยังไม่รู้ตัว และก็ยังไม่มีใครรู้...นอกจากเขา
                ข้าจะรีบกลับไปหาท่านพ่อ นางลิงโลดด้วยความดีใจ ในที่สุดนางก็ใช้เวทย์อย่างเฟเรียได้แล้ว
                เจ้าไปไม่ได้เฟยา ชายหนุ่มห้ามปราม
                ทำไมเล่าท่านลุง ในเมื่อข้าทำได้แล้ว ข้าก็จะรีบไปบอกท่านพ่อ
            “ถึงเจ้าบอกพ่อเจ้าไป พ่อเจ้าก็ไม่สามารถสอนเวทย์ให้เจ้าได้อยู่ดี
                ทำไมล่ะ ก็ท่านพ่อบอกว่าถ้าข้าทำได้ ท่านพ่อจะสอนข้า” นางไม่เข้าใจ
                เอาอย่างนี้แล้วกัน วันนี้เจ้าห้ามบอกพ่อของเจ้า แล้วพรุ่งนี้เจ้ามาหาข้าที่นี่ แล้วข้าจะบอกว่าทำไมพ่อเจ้าถีงไม่สามารถสอนให้เจ้าได้
                แต่ว่า...
                เชื่อข้าเถอะเฟยา
                ก็ได้ นางรับคำอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
           
                รุ่งขึ้นเฟยารีบเข้าป่าต้องห้ามเพื่อพบกับท่านอาคนนั้น เมื่อไปถึงนางก็เห็นเขาพร้อมกับแก้วเขรอะ ๆ อีกหนึ่งใบ
                ข้ามาแล้วท่านอา
                มานั่งนี่สิเฟยา ชายหนุ่มให้เด็กสาวนั่งฟากตรงข้ามกับเขา
                แก้วน้ำเขรอะ ๆ ใบใหญ่ บรรจุน้ำไว้เต็มวางไว้ตรงหน้าเด็กสาว
                พ่อเจ้าเอาน้ำใส่ไว้ในแก้วอย่างนี้ แล้วฝึกให้เจ้าบังคับน้ำใช่ไหม เด็กสาวพยักหน้ารับ
                ถ้าเช่นนั้นเจ้าลองบังคับน้ำในแก้วให้ข้าดูหน่อยสิ
                ได้ เฟยารวบรวมสมาธิแล้วเพ่งไปที่น้ำในแก้ว พริบตาเดียวน้ำในแก้วก็พุ่งสูงขึ้นแล้วตกลงมาจนหมด แก้วน้ำที่ตั้งวางไว้ก็ล้มเองกระเท่เร่
                ข้าทำน้ำหกอีกแล้ว เด็กสาวรู้สึกผิด เมื่อนึกถึงเวลาทำน้ำหกเลอะเทอะจนต้องโดนท่านพ่อกับท่านแม่ต่อว่า
                ข้าจะพูดให้เจ้าฟังนะเฟยา ที่น้ำมันหกเลอะเทอะไปทั่วอย่างนี้ เป็นเพราะเจ้าไม่สามารถควบคุมพลังของเจ้าได้ อำนาจเวทย์ของเจ้าน่ะมีมากเกินไป
                มีอำนาจเวทย์มากมันไม่ดีหรือท่านลุง ข้านึกว่าดีเสียอีก
                มีมากน่ะมันก็ดี แต่มากเกินไปแบบเจ้าน่ะมันไม่ดี เจ้าน่ะยังเล็กอยู่ ยังไม่สามารถควบคุมเวทย์ของตัวเองได้ แล้วถ้าเจ้าใช้เวทย์ทั้ง ๆ ที่ควบคุมไม่ได้แบบนี้รังแต่จะสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่
                ข้าเข้าใจ แต่ว่า...ทำไมข้าถึงบอกท่านพ่อไม่ได้เล่าท่านลุง” นางอยากบอกท่านพ่อแล้วก็ให้ท่านพ่อสอนเวทย์ให้นางเต็มแก่แล้ว
                ถึงบอกพ่อเจ้าไป พ่อเจ้าก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้อยู่ดี แล้วจากที่เจ้าเล่าให้ข้าฟังเมื่อวาน ถ้าพ่อเจ้ารู้ว่าเจ้ามีอำนาจมากมายขนาดนี้ เป็นไปได้ว่าพ่อเจ้าจะหันมาสอนเวทย์ให้แก่เจ้าแทน แล้วละเลยแฝดอีกคนของเจ้า
                เฟเรียน่ะหรือ
                ใช่ ดูจากที่พ่อเจ้าสอนเวทย์ให้แต่นางแล้วไม่ยอมสอนให้เจ้า เป็นเพราะพ่อเจ้าคิดว่านางใช้เวทย์ได้แต่เจ้าใช้ไม่ได้น่ะสิ เจ้าคงไม่อยากให้พ่อของเจ้าเลิกสอนเฟเรียแล้วทำให้เฟเรียเสียใจหรอกนะ
                แต่ข้าอยากให้ท่านพ่อสอนเวทย์ให้ข้านี่ นางไม่อยากให้เฟเรียเป็นเหมือนนาง ไม่อยากให้เสียใจเหมือนนาง แต่นางก็อยากจะเรียนเวทย์กับท่านพ่ออยู่ดี
                เจ้าอยากเรียนเวทย์มากหรอกหรือ
                เฟยาพยักหน้ารับ
                ถ้าอย่างนั้น ข้าจะเป็นคนสอนเจ้าเอง
                แต่ข้าอยากให้ท่านพ่อสอน
                ข้าเก่งกว่าพ่อเจ้าอีกนะ
                ท่านพ่อข้าเก่งที่สุด
                เด็กก็คือเด็ก ไม่ว่าอย่างไรก็คิดเสมอว่าพ่อแม่ของตนนั้นดี และเก่งที่สุดเสมอ ไม่ว่าชายหนุ่มจะพูดอย่างไร เด็กสาวก็คอยแต่จะยึดมั่นในตัวพ่อของตน
                เอาอย่างนี้ไหม ชายหนุ่มเสนอ เวลาพ่อเจ้าสอนเวทย์ให้กับเฟเรีย เจ้าก็ไปแอบดูสิ แล้วก็เอามาฝึกกับข้า...ดีไหม
                ข้าว่าข้าบอกท่านพ่อเลยดีกว่า ว่าข้าใช้เวทย์ได้แล้ว
                ถ้าเจ้าบอกพ่อเจ้า เฟเรียก็จะไม่ได้เรียนเวทย์กับพ่อเจ้าอีกนะ เจ้าไม่สงสารนางหรอกหรือ
            “ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าจะให้นางมาเรียนกับท่านแทน
            เด็กคนนี้นี่ เอาลงยากจริง ๆ
                เจ้าจะให้คนอื่นรู้หรือว่าเจ้าเข้ามาในป่าต้องห้าม เจ้ารู้ไหมว่าเข้ามาในป่าต้องห้ามนั้นมีโทษ นี่เจ้าจะลากเฟเรียมาทำผิดด้วยกันหรือ
            “ข้า... เมื่อพูดถึงเรื่องบทลงโทษนางก็ชักหวั่น ๆ นางไม่อยากถูกลงโทษ และก็ไม่อยากลากเฟเรียเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
                ทำตามที่ข้าบอกนั่นแหละ ดีแล้ว ชายหนุ่มตัดบทก่อนจะไล่เด็กสาวออกจากป่าไป
                เขาพยายามยกเรื่องนั้น อ้างเรื่องนี้ให้เด็กสาวเชื่อฟังเขา อันที่จริงแล้วเขาก็ไม่รู้หรอกว่าพ่อของเฟยาจะปฏิบัติต่อลูกสาวทั้งสองของตนอย่างไร เมื่อรู้ว่าอำนาจเวทย์ของลูกสาวทั้งสองต่างกันขนาดนี้ แต่เขาเชื่อว่าถ้าพ่อของนางรู้ว่าเฟยามีพลังอำนาจมหาศาลแล้วล่ะก็ แทนที่จะสอนให้นางควบคุมพลังของตนเอง เขาคงจะสอนให้นางใช้พลังมากกว่า
                พลังอำนาจนั้น เมื่อไม่รู้จักควบคุมให้ดี มันจะนำพาหายนะ มาสู่เจ้าของ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น