“วันนี้แม่ได้รับจดหมายจากป้าของพวกเจ้า” เมเรียเอ่ยเมื่อถึงเวลาอาหารเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า
“ท่านป้ามาร่าหรือท่านแม่”
เฟเรียถามเพื่อความแน่ใจ เพราะนางเคยพบท่านป้าเมื่อนานมาแล้ว
และตอนนี้ก็ผ่านมาหลายปี
“ใช่ ป้าเจ้าจดหมายมาว่าคิดถึงพวกเจ้า
เลยอยากให้แม่พาพวกเจ้าไปหานางที่เซาท์การ์ด ป้าของพวกเจ้าไม่มีลูกนางก็คงจะเหงา
เลยอยากพบพวกเจ้า แล้วแม่ก็ปรึกษากับอัสคาแล้ว เราตกลงกันว่าอีกประมาณสองอาทิตย์
พวกเราจะออกเดินทางไปเยี่ยมป้าของพวกเจ้าที่เซาท์การ์ดกัน”
“เซาท์การ์ดหรือท่านแม่” เฟยาดีใจจนออกนอกหน้า คราวนี้นางจะได้ไปเปิดหูเปิดตาที่ดินแดนอื่น
ตั้งแต่เกิดมานางยังไม่เคยออกนอกอีสการ์ดเลยสักครั้ง
“ใช่” เมเรียตอบอย่างไม่ใคร่จะใส่ใจนัก แล้วหันไปถามเฟเรีย “แล้วเจ้าเล่าเฟเรีย เจ้าจะไปได้หรือเปล่า เจ้าต้องฝึกเวทย์กับท่านผู้เฒ่าทุกวัน
เจ้าคิดว่าท่านจะอนุญาตให้เจ้าไปได้หรือไม่”
“ข้าคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหานะท่านแม่
ถึงอาจารย์จะเป็นคนเข้มงวดสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้เป็นคนใจร้ายอะไร
แล้วข้าจะลองขออนุญาตอาจารย์นะท่านแม่”
“เช่นนั้นก็ดี”
เมเรียหันไปยิ้มกับอัสคา นานแล้วที่นางและอัสคาไม่ได้ออกไปต่างแดน และคราวนี้ก็เป็นครั้งแรกที่พวกนางจะได้เดินไปเยือนดินแดนอื่นทั้งครอบครัว
เฟยารีบนำความดีใจนี้ไปแจ้งให้แก่เกวล
เมื่อทุกคนในบ้านหลับกันหมดแล้ว
“อาจารย์ ข้าจะได้ไปเที่ยวแล้ว
ข้าจะได้ไปเซาท์การ์ด ท่านเคยไปที่เซาท์การ์ดมาบ้างหรือไม่ ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง
เหมือนที่อีสการ์ดนี่หรือเปล่า” ด้วยความตื่นเต้นเฟยาจึงยิงคำถามมากมายเสียจนอาจารย์ของนางไม่รู้จะตอบคำถามไหนของนาง
“สงบสติอารมณ์หน่อยสิเดวา
เจ้าจะดีใจจนออกนอกหน้าเกินไปแล้ว”
“ก็ข้าดีใจนี่อาจารย์
นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ข้าจะได้เห็นดินแดนอื่นนอกจากอีสการ์ด”
เกวลเห็นท่าทางของศิษย์รักก็ยิ้มออกมา
นางโตเป็นหญิงงามขนาดนี้แต่ดูนางสิ เหมือนเด็ก ๆ ไม่มีผิด
“แล้วเจ้าจะเดินทางเมื่อไหร่”
“ท่านแม่บอกว่าอีกประมาณสองอาทิตย์”
“แล้วเจ้าจะไปนานเท่าไร”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันอาจารย์
...อาจารย์ข้าว่าข้าต้องคิดถึงท่านมาก ๆ แน่เลยตอนไปเซาท์การ์ด”
นางเขยิบเข้าไปนั่งข้างอาจารย์แล้วกอดเอวเขาไว้หลวม ๆ “ท่านไปเซาท์การ์ดกับข้าไหมอาจารย์”
“เจ้าอย่าเป็นเด็กไม่รู้จักโตสิเดวา
เจ้าจะเกาะข้าแจไปทั้งชีวิตไม่ได้หรอกนะ
ข้าว่าพอเจ้าไปถึงเซาท์การ์ดแล้วไม่วายจะเที่ยวสนุกจนลืมอาจารย์คนนี้เสียมากกว่า”
“ท่านก็พูดไป
ข้าจะลืมท่านได้อย่างไรเล่า ข้ามีท่านเป็นอาจาย์เพียงคนเดียว แล้วก็ไม่มีใครรักข้าได้มากกว่าท่านอีกแล้ว
และก็ไม่มีใครรักอาจารย์คนนี้ได้เท่าข้าอีกแล้ว เชื่อสิ”
“นังเด็กน้อยเอ๊ย”
เกลวลูบหัวศิษย์รักอย่างเอ็นดู นางเปรียบเสมือนลูกของเขาก็ว่าได้
เขาสั่งสอนนางมาตั้งแต่เด็กจนนางเติบใหญ่ได้ขนาดนี้ และนางก็ยังเป็นเหมือนเพื่อนที่คอยป่วนเขา
ทำให้เขาไม่ต้องอยู่อย่างเหงาหงอย
นางได้มากลายเป็นแก้วตาดวงใจของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
สองอาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เพราะการเตรียมตัวเดินทางอันแสนวุ่นวายพร้อมกับสัมภาระที่จะนำไปด้วยอีกหลายหีบ
กำหนดการเดินทางคือรุ่งสางของวันใหม่
และคืนนี้จึงเป็นคืนที่เฟยาจะได้อยู่กับอาจารย์เป็นคืนสุดท้ายก่อนออกเดินทาง
นางได้เตรียมเหล้าโปรดของอาจารย์ไว้หลายสิบขวด ในช่วงที่นางไม่อยู่ในอีสการ์ด
อาจารย์จะได้มีเหล้าดื่มไม่ขาดแคลน เพราะนางรู้ว่าอาจารย์จะต้องดื่มเหล้าของเจ้าคนแคระนี้ทุกวัน
หลังจากเฟยาเก็บเหล้าไว้ในถ้ำแล้ว
นางก็ออกมานั่งคุยกับอาจารย์ เพราะหลังจากพ้นคืนนี้ไปแล้ว
นางก็ต้องเดินทางไปเซาท์การ์ด
“ข้าเตรียมเหล้าไว้ให้ท่านหลายขวด
อยู่ได้หลายเดือนเลยนะอาจารย์ ท่านคงไม่ดื่มมากจนเกินไปนะ”
“เจ้าเห็นข้าเป็นคนเช่นไรกัน
เข้าไม่ใช่พวกขี้เมา แต่เป็นอาจารย์เจ้านะ”
“ข้ารู้อาจารย์
แต่ข้าเป็นห่วงท่านนี่ ระหว่างที่ข้าไม่อยู่ใครจะคอยบอกให้ท่านอาบน้ำ
แล้วใครจะคอยเก็บฟืนให้ท่านล่ะ”
“นี่เจ้าคิดว่าข้าไม่มีแขนมีขารึ
ถึงเจ้าไม่อยู่ข้าก็อยู่ได้ ข้าไม่ใช่เด็ก ๆ ที่ทำอะไรไม่เป็นหรอกนะ เจ้าต่างหากที่ข้าต้องเป็นห่วง
เจ้าไปเยือนดินแดนอื่นเป็นครั้งแรก ต้องดูแลตัวเองให้ดี
อย่าซุกซนเหมือนอยู่ที่นี่ล่ะ”
“ทราบแล้วอาจารย์”
เฟยาเอนหัวพิงไหล่อาจารย์
นางรู้สึกเหงาขึ้นมาจับใจเมื่อคิดว่านางต้องอยู่ห่างกับอาจารย์หลายวัน
ป่าต้องห้ามเริ่มคลายจากความมืด
แสดงว่าด้านนอกของป่าต้องสว่างมากแล้ว และก็ถึงเวลาที่นางต้องกลับบ้านแล้ว
เช่นเดียวกับที่นางต้องบอกลาอาจารย์
“ข้าไปก่อนนะอาจารย์
แล้วข้าหาของจากเซาท์การ์ดมาฝาก”
“มานี่สิเดวา”
เกวลกวักมือเรียกลูกศิษย์
เฟยาเดินเข้าไปหาอย่างเชื่อฟัง
เกวลกอดลาศิษย์รักไว้แน่นและเฟยาก็กอดตอบเช่นกัน
“จากนี้ไป
เจ้าต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะ อาจารย์ไม่ได้อยู่กับเจ้า
เจ้าก็ห้ามเกเรหรือหาเรื่องใส่ตัวเองล่ะ”
“ข้าไม่ใช่เด็ก
ๆ แล้วนะอาจารย์” เป็นครั้งแรกที่นางต้องจากอาจารย์ไปนาน แต่ทั้งที่รู้ว่ายังไงนางก็ต้องกลับมาอีสการ์ด
กลับมาหาอาจารย์ แต่ทำไมมันถึงรู้สึกน่าใจหายอย่างประหลาดเช่นนี้
เกวลมองเฟยาที่เดินออกจากป่าต้องห้ามไป
ตั้งแต่นางบอกว่าจะเดินทางไปเซาท์การ์ด เขาก็ตัดสินใจได้ตั้งแต่นั้น
ว่างานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา
ลูกศิษย์ของเขาเติบใหญ่พอที่จะเผชิญโลกกว้างเพียงลำพัง
และก็ถึงเวลาแล้วที่เขาจะกลับสู่โลกภายนอกเสียที
“หวังว่าเราคงได้พบกันอีกนะ
...เดวา”
เฟยาพร้อมครอบครัวออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยรถม้าสองคน
คันหนึ่งสำหรับให้พวกเขานั่งไป ส่วนอีกคันสำหรับบรรทุกของสัมภาระ เพียงเวลาไม่นานรถม้าทั้งสองันก็วิ่งมาถึงชายแดนของอีสการ์ด
ทั้งหมดจึงต้องลงจากรถม้าเพื่อต่อเรือข้ามฟากไปยังเซาท์การ์ด
ดินแดนทั้งห้าเปรียบเสมือนเกาะขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกันด้วยผืนน้ำ
แต่ละดินแดนก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวต่างกัน การปกครองก็เป็นเอกเทศไม่ก้าวก่ายกัน
แต่ทั้งหมดจะต้องอยู่ในอาณัติของมิดการ์ด ดินแดนแห่งศูนย์กลางและรายา
เรือขนาดใหญ่บรรทุกผู้โดยสารและสัมภาระมุ่งสู่เซาท์การ์ด
เรือลำใหญ่แล่นด้วยพลังเวทย์ของผู้ใช้เวทย์หลาย ๆ คนในการขับเคลื่อน
ทำให้เรือแล่นไปบนผิวน้ำอย่างรวดเร็ว
ลมแรงจากการแล่นเรือทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ต้องหลบเข้าไปอยู่ในเรือ
น้อยคนนักที่คิดจะโต้ลมอยู่นอกดาดฟ้าเรือ และเพราะใช้เวลาไม่นานในการเดินทาง
ผู้โดยสารส่วนใหญ่จึงได้นั่งสนทนา หรือไม่ก็นั่งเฉย ๆ รอจนกว่าจะถึงอีกฝั่ง
แต่ในระหว่างที่กำลังเฟยากับครอบครัวนั่งรออยู่ในเรือ
พวกเขาได้กลายเป็นจุดสนใจอย่างรวดเร็ว เสียงผู้คนดังขึ้นเรื่อย ๆ
และต่างชี้มาที่พวกเขา ...แต่ถ้าจะกล่าวให้ถูกคงต้องบอกว่าพวกเขาชี้มาทางเฟเรียกันทั้งสิ้น
หญิงงามที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว
ได้ปรากฏสู่สายตาแก่ใครหลาย ๆ คน ความงามของนางทำให้ผู้คนสนใจ
โดยเฉพาะชายหนุ่มที่หันมามองนางอย่างหลงใหล
จนสร้างความไม่พอใจให้แก่บุพการีทั้งสอง
อัสคาและเมเรียพยายามนั่งบังเฟเรียให้พ้นจากสายตาหลาย
ๆ คู่ที่จ้องมองบุตรสาวของตน
และออกปากไล่ชายหนุ่มทุกคนที่เดินเข้ามาหาเฟเรียอย่างสุภาพที่สุด
“คราวหน้าพ่อคงต้องให้เจ้าปิดบังใบหน้าทุกครั้งที่เดินทางเสียแล้ว”
อัสคาบอกกับเฟเรียขณะที่เรือแล่นมาถึงชายฝั่งของเซาท์การ์ด “พ่อไม่ชอบเลยที่ใครต่อใครจ้องมองเจ้าเช่นนี้
พวกมันไม่คู่ควรแม้แต่จะมองเจ้าด้วยซ้ำ”
“ใจเย็นก่อนท่านพ่อ
ท่านอย่าคิดมากไปเลย คราวหน้าข้าจะปิดบังใบหน้าตามที่ท่านบอก
จะได้ไม่ต้องถูกมองเช่นคราวนี้อีก”
“เช่นนั้นพ่อก็จะได้วางใจ”
เมเรียได้สั่งให้ทุกคนนำเสื้อคลุมหนามาสวมไว้เพื่อเตรียมตัวขึ้นฝั่ง
เพราะเซาท์การ์ดเป็นดินแดนแห่งความหนาวเย็น
ทุกพื้นที่ทุกตารางของเซาท์การ์ดถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ
อากาศก็หนาวเย็นกว่าดินแดนอื่น ๆ
ระหว่างเดินลงจากเรือ อัสคาได้โอบไหล่เฟเรีย
ให้เดินเคียงคู่กันขึ้นฝั่ง ที่เขาทำอย่างนี้ส่วนหนึ่งก็เพื่อกันไม่ให้ชายใด ๆ
เข้ามาใกล้ลูกสาวของเขาได้
“หนาว~”
เฟยากระชับเสื้อคลุมแนบลำตัว
เพราะอากาศเย็นที่ไม่เคยเจอ อีกทั้งเวลาพูดยังมีไอขาว ๆ ออกมาจากปากอีกด้วย
เป็นสิ่งแปลกใหม่ที่นางไม่เคยเจอมากก่อน ยามที่อีสการ์ดมีอากาศหนาว อากาศยังไม่เย็นเท่านี้มาก่อน
นางเดินตามหลังคนในครอบครัวที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยใส่ใจนางเท่าใดนัก
แต่เฟยาเองก็เดินช้ากว่าปกติเพราะมัวแต่มองรอบ ๆ ตัว ซึ่งมีแต่หิมะสีขาวเต็มไปหมด
“เมเรีย เมเรีย” เสียงตะโกนของหญิงกลางคนที่มีเค้าโครงหน้าไม่ต่างจากเมเรียทว่าดูมีอายุกว่า
ยืนโบกมือเรียกน้องสาวและครอบครัว
“มาร่า”
เมเรียรีบเข้าไปกอดพี่สาวที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายปี
“ข้าคิดถึงเจ้าจริง ๆ เมเรีย
เจ้าสบายดีไหม เดินทางเป็นอย่างไรบ้าง เหนื่อยกันรึเปล่า
ข้าว่ารีบขึ้นรถม้ากันเถอะพวกเจ้าคงจะหนาว” มาร่ารีบชวนให้ขึ้นรถม้าคันใหญ่ที่เตรียมไว้
อัสคาและเฟเรียที่เติมตามหลังมาได้กล่าวทักทายมาร่าเมื่อเดินมาถึงรถม้าที่จอดไว้รอรับ
“ยินดีต้อนรับสู่เซาท์การ์ด
แล้วนี่หลานสาวของข้าใช่ไหม เฟยาหรือเฟเรียกันล่ะ
แต่ถ้าให้ข้าเดาก็คงเป็นเฟเรียสินะ
ชื่อเสียงความงามของเจ้าดังมาถึงเซาท์การ์ดเชียวนะ”
“ท่านป้ากล่าวเกินไปแล้ว”
เฟเรียยิ้มออกมาอย่างเอียงอายกับคำชมของผู้เป็นป้า
“ป้าไม่ได้พูดเกินจริงเลย
แล้วข่าวลือก็เป็นจริงเสียด้วย เจ้าเป็นหญิงที่งดงามมากจริง ๆ ...แล้วเฟยาเล่า
เฟยาไม่ได้มาพร้อมพวกเจ้าหรือ”
อัสคาหันหลังไปแล้วเห็นเฟยามัวแต่หันซ้ายหันขวาจนทำให้เดินช้า
เขาจึงรีบเร่งให้เฟยาเดินเร็วขึ้น
“ท่านป้า” เฟยาโค้งกายคำนับและทักผู้เป็นป้าทันทีที่เดินมาถึง
มาร่าสังเกตหลานสาวผู้เดินมาถึงหลังสุด
แม้จะเป็นแฝดกับเฟเรีย แต่เฟยากลับเอาผมเผ้าปรกหน้าและศีรษะยังคลุมหมวกไว้ด้วย
ทำให้ยิ่งปิดบังใบหน้าจนมองไม่ออกว่าหน้าตาของหลานสาวคนนี้เป็นเช่นไร
“เจ้าอย่ามัวแต่มองข้างทางสิ
เดินช้าอย่างนี้รู้ไหมว่าทำให้คนอื่นเขาต้องรอกัน” อัสคาต่อว่าบุตรสาวที่นางมัวแต่เดินเอ้อระเหย
“ไม่ได้รออะไรนักหรอก
เจ้าไม่ต้องคิดมากหรอกนะเฟยา
ข้าว่ารีบขึ้นรถม้ากันเถอะพวกเจ้าเพิ่งมาถึงเซาท์การ์ด
ยังไม่คุ้นชินกับอากาศที่นี้ คงหนาวกันแย่ โดยเฉพาะเจ้าสินะเฟยา” มาร่าเอ่ยแซวหลานสาวอย่างอารมณ์ดี
ก็ดูนางสิแทบจะไม่ยอมให้ส่วนใดของร่างกายสัมผัสกับอากาศเย็น
มือสองข้างก็ซุกไว้ใต้เสื้อคลุม กอดอกไว้แน่น บนศีรษะก็คลุมหมวกไว้กันไม่ให้ศีรษะเย็น
ดูแล้วแทบจะขำออกมา
“ตอนนี้ข้าหนาวมาก ๆ เลยท่านป้า”
เฟยายอมรับแต่โดยดี
ในเมื่อตอนนี้นางหนาวจนรู้สึกว่าร่างกายแทบจะขยับไม่ได้อยู่แล้ว
“เช่นนั้นก็รีบขึ้นรถม้าเถอะ”
รถม้าที่มาร่าเตรียมมานั้น
เป็นรถม้าคันใหญ่และสวยงาม
ข้างในสามารถนั่งกันได้หลายคนและยังอบอุ่นกว่าข้างนอกมากนัก ทำให้ทุกคนสามารถถอดเสื้อคลุมออกเมื่ออยู่ในรถม้า
เว้นแต่เฟยาที่เท่านั้นที่ไม่ยอมถอด
“เจ้าคงเป็นคนขี้หนาวล่ะสิเฟยา แม้แต่อยู่ในรถม้าเจ้าถึงไม่ยอมถอดเสื้อคลุม”
มาร่าทัก
“คงเป็นเช่นนั้นท่านป้า
ถึงในรถม้าจะอุ่นกว่าข้างนอกมาก แต่ข้าก็ยังรู้สึกเย็น ๆ อยู่ดี”
“อยู่ที่นี่อีกหลายวัน
เจ้าจะก็คุ้นเคยกับอากาศที่นี่ไปเอง”
รถม้าค่อย ๆ
วิ่งไปตามเส้นทางอย่างไม่รีบร้อน
พอมีเวลาให้หญิงสาวสองนางที่เพิ่งเคยออกนอกอีสการ์ดเป็นครั้งแรกได้ตื่นตาตื่นใจ
พวกนางชักชวนกันดูสองข้างทางที่เต็มไปด้วยหิมะสีขาวอย่างสนุกสนาน ต้นไม้ทุกต้นถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ
แม้แต่สัตว์ที่โผล่มาให้เห็นเพียงชั่วครู่ ก็ล้วนแล้วแต่สีขาวทั้งสิ้น และยังมีรูปปั้น
ที่สร้างจากหิมะ ถูกตั้งประดับไว้สองข้างถนนอย่างน่าดู
บ้านหลังใหญ่ที่รถม้าวิ่งมาถึง
กินอาณาบริเวณกว้างขวาง ตัวบ้านโอ่อ่าใหญ่โตดั่งคฤหาสน์ของมหาเศรษฐี รถม้าจอดเทียบท่าหน้าประตู
เพียงก้าวเดินไม่กี่ก้าวก็สามารถเข้าถึงภายในบ้านได้อย่างสะดวกสบาย
พรมสีแดงถูกปูเป็นเส้นทางเดินตั้งแต่บันไดก้าวแรกทอดยาวเข้าสู่ตัวบ้าน
แสงสว่างอ่อน ๆ จากโคมไฟที่มีอยู่รอบบ้าน ทำให้บ้านดูสว่างไสวและงดงาม แตกต่างจากท้องฟ้าสีหม่นด้านนอกที่ไม่ค่อยมีแสงแดดและอากาศเย็นจัด
แต่ในบ้านนั้นกลับอบอุ่นจนไม่ต้องพึ่งเสื้อคลุมหนาใด ๆ
เมื่อนายหญิงของบ้านกลับมาถึง
สาวใช้ทั้งหลายก็ได้ออกมายืนต้อนรับรอรับคำสั่งจากเจ้านาย
มาร่าสั่งให้สาวใช้พาน้องสาวของตนและครอบครัวไปยังห้องพักที่ได้จัดเตรียมไว้
เฟเรีย
และเฟยาได้ห้องพักส่วนตัวคนละห้อง ห้องของทั้งสองจะตรงกันข้ามกัน
ห้องเฟเรียจะมองเห็นวิว สวนสวยจากหน้าบ้าน
ส่วนห้องของเฟยานั้นจะเห็นลานหิมะขาวโพลนซึ่งอยู่ทางด้านหลังของบ้าน
ระหว่างที่เฟยาขนสัมภาระอันน้อยนิดของตนเข้าห้อง
ก็มีสาวใช้เดินตามนางเข้ามาในห้องด้วย เด็กสาวในชุดยาวกล่อมเท้าสีขาวมีผ้ากันเปื้อนสีฟ้าหม่นทาบทับตั้งแต่บริเวณหน้าอกจนถึงชายกระโปรง
แลดูสาวใช้คนนี้น่าจะอายุอ่อนกว่านางอยู่หลายปี ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์นักและผิวพรรณก็ขาวสะอาดสะอ้านดั่งหิมะในเซาท์การ์ด
“ข้าชื่อจานีนเจ้าค่ะ
นายหญิงสั่งข้าให้มารับใช้ท่านเฟยา ท่านมีอะไรให้ข้าช่วยไหมเจ้าคะ ท่านกำลังจะรื้อเสื้อผ้ารึเปล่าเจ้าคะ
ข้าจะช่วยท่านจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ในเจ้าคะ”
เด็กสาวรีบเดินเข้ามาหาเฟยาอย่างอ่อนน้อม แล้วก้มลงเปิดหีบสัมภาระที่วางอยู่ข้าง ๆ
เฟยา ทำตามหน้าที่ของสาวใช้ที่ดี
“ไม่ต้องหรอก
ข้าจัดของเองได้” เฟยาห้ามเด็กสาวไว้ “สัมภาระของข้ามีไม่มากนัก
ข้าว่าเจ้าไปช่วยเฟเรียที่ห้องตรงข้ามดีกว่า เสื้อผ้าข้าวของที่ข้าขนมาด้วยก็มีเพียงหีบใบนี้ใบเดียวเท่านั้น
ส่วนรายนั้นขนสัมภาระมาด้วยหลายหีบ คงต้องการคนช่วยจัดของ”
“จริงรึเจ้าคะ”
หญิงรับใช้มีท่าทางตื่นเต้น แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่านายหญิงสั่งให้นางอยู่รับใช้แฝดผู้พี่
ใบหน้าก็หงอยลงในทันที “แต่นายหญิงสั่งให้ข้าอยู่รับใช้ท่าน
แล้วท่านเฟเรียก็มีพี่สาวข้าชื่อจามินคอยรับใช้อยู่แล้วเจ้าค่ะ”
น้ำเสียงของหญิงรับใช้อ่อนลงอย่างคนกำลังผิดหวัง
จนเฟยาสามารถรู้ความนึกคิดของนางได้
“เจ้าไปช่วยเฟเรียเถอะ
ข้าอยากอยู่คนเดียว แล้วถ้ามีคนถามก็บอกไปว่าข้าสั่งให้เจ้าอยู่ช่วยเฟเรียเอง”
“เจ้าค่ะ ๆ” จานีนคำนับกายแล้วรีบออกจากห้องอย่างว่องไว
นางอยากอยู่รับใช้สาวงามแลดูใจดีอย่างเฟเรียมากกว่าเฟยาตั้งแต่แรก แต่นางกลับถูกนายหญิงสั่งให้อยู่รับใช้อีกคนแทน
เมื่อเฟยาสั่งให้นางไปอยู่รับใช้เฟเรีย จานีนจึงรีบปรี่ไปที่ของเฟเรียในทันที
หลังจากจานีนออกจากห้องไปแล้ว
เฟยาก็ลงมือเอาเสื้อผ้าออกจากหีบจัดเข้าตู้เสื้อผ้า เสร็จแล้วก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มกว้าง
ไม่นานนางก็ผล็อยหลับไป
รู้สึกตัวอีกทีเมื่อจานีนมาปลุกเรียกนางให้ร่วมโต๊ะอาหารเย็น
“ที่จริงข้าต้องเตรียมน้ำอาบให้ท่านก่อนร่วมโต๊ะอาหาร
แต่ข้าเห็นท่านหลับอยู่จึงไม่กล้าปลุก แล้วข้าจะเตรียมน้ำอาบให้ท่านหลังจากอาหารเย็นนะเจ้าคะ”
“อืม” เฟยาตอบรับสั้น
ๆ แล้วเดินตามจานีนไปที่โต๊ะอาหาร
หลังจากพักผ่อนจากการเดินทาง
ทุกคนก็ได้ไปรวมตัวกันที่ห้องอาหารในเวลาเย็น ซึ่งก็เป็นครั้งแรกที่เฟยาและเฟเรียได้เจอลุงเขย
ลุงเขยหรือสามีของท่านป้ามาร่าเป็นชายร่างท้วม
รูปร่างไม่สูงเท่าใด ผมบนศีรษะเบาบางกว่าปกติ รอยยิ้มที่ประดับไว้บนใบหน้าทำให้ท่านดูเป็นคนใจดี
อาหารเย็นถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย
แต่ของทุกชิ้น อาหารทุกจานถูกคัดสรรมาอย่างดี
และเจ้าบ้านทั้งสองก็พยายามสร้างบรรยากาศให้สนุกสนานและเป็นกันเอง
และความครื้นเครงบนโต๊ะอาหารในค่ำคืนก็ได้จุดประกายความคิดให้แก่มาร่า
“ข้าอยากจัดงานเลี้ยงต้อนรับครอบครัวเมเรีย
ท่านว่าอย่างไรบ้าง” มาร่าหันไปหาสามี
“แล้วแต่เจ้าเถอะมาร่า
เจ้าก็รู้ว่าข้าตามใจเจ้าทุกอย่าง” ผู้เป็นสามียิ้มให้ภรรยาของตน
เขารักนางมากและตามใจนางทุกอย่าง ไม่ว่าอะไรที่นางต้องการเขาไม่เคยขัดสักครั้ง
ขอแค่ให้นางมีความสุข
“ในเมื่อท่านไม่ว่าอะไร อีก 7 วัน
ข้าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับขึ้นที่นี่”
“อย่าเลยมาร่า” เมเรียค้าน “เจ้าไม่ต้องทำอะไรให้มันเอิกเกริกแบบนี้หรอก
มันไม่จำเป็นเลย”
“เจ้าอย่าขัดข้าสิเมเรีย ข้าบอกว่าจะจัดงานเลี้ยงข้าก็จะจัด
พวกเจ้ามีหน้าที่แค่เตรียมตัวร่วมงานเลี้ยงก็พอ เรื่องอื่นไม่ต้องไปคิดถึง
ข้ารับรองนะว่างานนี้จะต้องสนุกแน่นอน”
มาร่าเป็นคนชอบงานรื่นเริงอยู่แล้ว
ยิ่งได้สามีที่ตามใจนางทุกอย่างเช่นนี้แล้ว จึงไม่มีใครสามารถค้านนางได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น