หน้าเว็บ

บทที่ 5 : สะพรั่ง

                เฟยา หญิงร่างอ้วนตะโกนหาเมื่อเห็นด้านหลังของหญิงสาวคุ้นตา
                ...
                เฟยา ร้องเรียกซ้ำอยู่นานหญิงสาวถึงได้หันหลังมอง
                หญิงสาวรูปงามดวงตากลมโตแลดูสดใส จมูกโด่งรับกับริมฝีปากอิ่มที่หยักได้รูป ดวงหน้าเรียวสวยสะอาดสะอ้าน หันมามองที่นางอย่างฉงน
                อ้าว เฟเรียหรอกหรือ ข้านึกว่าเป็นเฟยาเสียอีก หญิงร่างอ้วนเข้าใจผิดนึกว่าหญิงสาวที่ตนตะโกนเรียกคือเฟยา เพราะเฟเรียยืนอยู่ในที่ร่ม ทำให้นางเข้าใจผิด
                สองพี่น้องฝาแฝดนี้แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่สามารถแยกออกได้ว่าใครเป็นใครได้ในทันที เพียงโดยเฉพาะเวลาพวกนางหันหลังให้ น้อยคนนักที่จะแยกพวกนางออก ถึงแม้ว่าเฟเรียจะมีผมยาวสีน้ำตาลอ่อน และเฟยามีผมยาวสีน้ำตาลเข้ม หากเมื่อเฟเรียยืนอยู่ในที่ร่ม เงาของร่มไม้จะทำให้มองเห็นสีผมของนางเป็นสีน้ำตาลเข้ม เฉกเช่นเดียวกับเฟยาที่เมื่อยืนอยู่กลางแจ้ง แสงแดดจ้าจะช่วยสะท้อนให้ผมของนางเป็นประกายแลดูเหมือนสีผมของเฟเรียไม่ผิด
                แต่สิ่งที่สามารถแยกฝาแฝดสองนางนี้ได้ชัดเจนก็คงจะเป็นเสื้อผ้าการแต่งกาย และท่าทาง เฟเรียมักจะแต่งกายสวยงามน่ามองอยู่เสมอ ใบหน้าสะอาดสะอ้าน ผมถูกจัดแต่งไว้อย่างดีไม่มีปรกหน้าให้ดูรำคาญตา ส่วนเฟยานั้นมักจะแต่งกายด้วยสีทึม ๆ และเสื้อผ้าของนางก็มักจะดูทะมัดแทมง มากกว่าดูอ่อนหวาน ผมเผ้าก็มักจะปรกหน้าปรกตาอยู่เสมอ
                ไม่เป็นไรหรอกท่านป้า ท่านมีธุระอะไรกับเฟยาหรือ ฝากบอกข้าได้นะ เฟเรียยิ้มให้หญิงร่างอ้วน
                ไม่มีอะไรสำคัญหรอก เมื่อวันก่อนเฟยามาถามข้า เห็นว่าแม่ของพวกเจ้าอยากได้ผ้าใหม่ พอดีที่ร้านเพิ่งได้ผ้าใหม่ ๆ มาหลายพับ ข้าเลยจะฝากไปบอกเมเรียสักหน่อย เผื่อนางจะสนใจ
                แล้วข้าจะบอกท่านแม่ให้ เมเรียบอกไปอย่างสุภาพ ซึ่งถูกใจหญิงร่างอ้วนเจ้าของร้านขายผ้ายิ่งนัก
                เจ้างดงามขนาดนี้ ข้าล่ะอิจฉาเสียจริง เจ้าอยากได้ผ้าใหม่บ้างไหมล่ะ ข้ายกให้เจ้าเปล่า ๆ เลยก็ได้นะ ข้าชอบเวลาเห็นผู้หญิงสาว ๆ สวย ๆ ใส่เสื้อผ้าสวย ๆ แล้วถ้ามีคนมาถามเจ้า เจ้าต้องบอกด้วยนะว่าได้ผ้ามาจากร้านข้า
                ข้าขอบคุณท่านป้ามาก แต่ของซื้อของขายข้าไม่กล้าเอามาเปล่า ๆ หรอก
                แหม จะเป็นไรไปเล่า ร้านข้ามีผ้าตั้งหลายพับ ยกให้เจ้าสักพักสองพับไม่ทำให้ข้าเดือดร้อนหรอก หญิงเจ้าของร้านยังคงคะยั้นคะยอเฟเรีย แต่เฟเรียก็ปฏิเสธอย่างนุ่มนวล อย่างรักษาน้ำใจ
                ไว้โอกาสหน้าแล้วกันท่านป้า หากวันใดข้าอยากได้ผ้าใหม่สักพื้น ข้าจะมาหาท่านแล้วกัน
                ได้ ๆ
                รอยยิ้มและดวงตากลมโตของเฟเรีย พาให้ใครต่อใครต่างหลงใหล นางเปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ที่คอยให้ความสว่าง แลดูสดใจอยู่ตลอดเวลา ยิ่งนางเป็นเป็นศิษย์เอกของท่านผู้เฒ่าแห่งอีสการ์ดด้วยแล้ว ผู้คนก็ยิ่งชื่นชอบและเคารพในตัวนาง
                เฟเรียเดินตลาดด้วยความเบิกบาน ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาต่างทักทายนาง และนางก็ทักทายตอบไปอย่างสุภาพทุกคน ทุกร้านที่เดินผ่านต่างนำเสนอสินค้าที่เหมาะให้แก่นาง ร้านค้าที่นางหยุดยืนดูต่างก็พากันมอบสินค้าให้นางโดยที่นางยังไม่ออกปาก
                แต่นางก็ปฏิเสธที่จะรับของจากทุกคน
                ใช่ว่านางจะรังเกียจ แต่นางมีพร้อมสรรพไม่ต้องสิ่งใดเพิ่มอีกแล้ว นับแต่นางเติบใหญ่เป็นหญิงสาวเต็มตัว ได้มีผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าวานิช จอมเวทย์ ผู้คนจากดินแดนอื่น ต่างพากันนำของมากำนัลแก่นาง ขอเพียงแค่นางยอมพบกับพวกเข้าเหล่านั้นแม้เพียงวินาทีเดียว
                ของล้ำค่าที่นางมีไว้ในครอบครองล้ำค่ายิ่งกว่าของสวยงามที่วางขายในตลาดของอีสการ์ดนี้มากนัก ทำให้ของที่วางอยู่ตรงหน้า แลดูด้อยค่าไปถนัด
                ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว เฟเรียกลับมาถึงบ้าน หลังจากเดินตลาดโดยไม่ได้ของใด ๆ ติดไม้ติดมือกลับมา
                เจ้ามาแล้วหรือ ฝึกเวทย์กับท่านผู้เฒ่าเสร็จคงเหนื่อยแย่สิ เจ้าไปพักผ่อนเถอะ
                ข้าไม่เหนื่อยเท่าใดหรอกท่านแม่ เมื่อสักครู่ข้าเพิ่งไปเที่ยวตลาดมา ท่านป้าที่ร้านผ้าฝากมาบอกด้วยท่านด้วยว่าที่ร้านเพิ่งได้ผ้าใหม่มา
                จริงหรือ ดีเลย แม่ว่าจะหาผ้าใหม่มาตัดอยู่พอดี
                เฟเรียมองออกไปทางหน้าต่างหลังบ้านเพราะได้ยินเสียงโป๊ก ๆ ดังอยู่เป็นระยะ ๆ แล้วก็ได้เห็นเฟยาที่กำลังผ่าฟืนกองโตอย่างขะมักเขม้น
                นางเดินไปหาฝาแฝดของตนทันทีกะว่าจะช่วยให้งานของเฟยาเสร็จเร็วขึ้น แต่ถูกเมเรียดักทางไว้เสียก่อน
                ถ้าเจ้าจะไปหาเฟยาแม่ไม่ว่า แต่อย่าไปช่วยนางผ่าฟืนเชียวล่ะ
                ทำไมกันเล่าท่านแม่ เพียงแค่นางใช้เวทย์ ฟืนกองโตก็ถูกผ่าเป็นชิ้นในเสี้ยววินาที ไม่ได้ใช้พลังอะไรมากมาย
                เพราะว่าเฟยาว่างงานน่ะสิ มิหนำซ้ำนางยังเกียจคร้าน ไม่ยอมฝึกเวทย์ ไม่ยอมทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แม่ถึงต้องให้นางทำอะไรบ้างน่ะสิ หากเจ้าช่วยนาง จะยิ่งทำให้นางได้ใจและเกียจคร้านหนัก
                ค่ะ ท่านแม่ เฟเรียน้อมรับคำสั่งของเมเรียก่อนจะออกไปหาแฝดของตน
               
                “เป็นอย่างไรบ้างเฟยา
                หญิงสาวผมยาวสีน้ำตาลเข้มรวบผมยาวเป็นหางม้า เหงื่อผุดพรายตามใบหน้าใบหน้าเรียว ดวงตาคมผิดกับแฝดของตนถูกบดบังด้วยผมหน้า ดูรกรุงรัง เสื้อผ้าสีน้ำเงินเข้มเกือบดำเต็มไปด้วยฝุ่นและเศษไม้เล็ก ๆ ที่ปลิวมาติด ทำให้เฟยาดูมอมแมมยิ่งนัก
                เหงื่อออกกำลังดีเชียว หากท่านแม่สั่งให้ข้าฝ่าฟืนทุกวัน แขนทั้งสองข้างของข้าคงมีกล้ามลูกใหญ่ ๆ ขึ้นในอีกไม่นาน เผลอ ๆ อาจจะเท่า ๆ กับท่านพ่อก็ได้ เฟยาพูดติดตลก จนเรียกหัวเราะจากเฟเรียได้
                แค่เจ้าตั้งใจฝึกเวทย์อย่างเสียบ้าง กองไม้พวกนี้ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ
                เฟยาเองก็คิดว่ากองไม้แค่นี้ นางแค่ใช้เวทย์ไม่นานก็เสร็จ เพียงแต่นางอยากออกกำลังเท่านั้น เพราะอาจารย์คอยย้ำเตือนนางตลอดว่า เวทย์ของนางถูกสะกดไว้ จึงต้องสร้างพละกำลังมาทดแทนในส่วนที่ขาดหาย
                แต่นางก็คิดว่าเวทย์ที่นางใช้ได้ในแต่ละครั้ง มันไม่ได้น้อยนิดขนาดที่อาจารย์ต้องกังวล             แม้จะเป็นเพียง ทว่าเทียบกับพลังเวทย์ที่ถูกสะกดไว้แล้วมันจะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวก็ตาม
                เพียงแต่ว่าระยะหลังมากนี้ อำนาจเวทย์ของนางแข็งแกร่งขึ้นมากจนนางเองรู้สึกได้ จึงทำให้การใช้เวทย์แต่ละครั้งของนางถึงขีดจำกัดอย่างรวดเร็ว และทุกครั้งนางต้องเจ็บปวดเพราะตราสะกดบนแผ่นหลัง แม้จะเจ็บไม่มากเพราะนางไม่ได้ฝืนใช้เวทย์ แต่นั่นก็แสดงให้นางรู้ว่าเวทย์ที่นางใช้แต่ละครั้งถึงจะดูน้อยนิดในสายตานาง แต่มันกลับเต็มไปด้วยอำนาจเวทย์ที่มากมายและแข็งแกร่ง และด้วยเหตุนี้นางจึงต้องสร้างพละกำลังให้ตัวเองและพยายามลดการใช้เวทย์ของตน
แล้ววันนี้เจ้าฝึกเวทย์เป็นอย่างไรบ้าง เฟยาถาม
                อาจารย์ท่านเริ่มสอนให้ข้าสร้างอาวุธเวทย์แล้ว แต่ทำยังไงข้าก็สร้างไม่ได้เสียที พอข้าคิดว่าทำได้แล้ว อาวุธที่สร้างขึ้นก็เสียรูป คืนสภาพเดิมทุกที เฟเรียกล่าวอย่างเป็นกังวล หากนางยังไม่สามารถสร้างอาวุธเวทย์ขึ้นมาได้ นางต้องถูกอาจารย์ต่อว่าแน่ อาจารย์ของนางและคนอื่น ๆ ต่างคาดหวังในตัวนางสูง คิดว่านางสามารถใช้เวทย์ให้ทุกอย่าง เรียนรู้ได้เร็วและสามารถใช้ได้ทันที จนตอนนี้นางรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก
                ข้ามีวิธีทำให้เจ้าสร้างอาวุธเวทย์ได้เก่งขึ้นนะเฟเรียเฟเรียเสนอ
                “อย่างไรหรือ
                “เจ้าก็ลองสร้างขวานจากเวทย์สิ เฟยาชูขวานที่อยู่ในมือตนให้เฟเรียดูเป็นตัวอย่าง แล้วก็ใช้ขวานที่เจ้าสร้างช่วยข้าผ่าฟืนพวกนี้ นอกจากเจ้าจะได้ฝึกเวทย์แล้ว เจ้ายังได้ลองด้วยนะว่าอาวุธที่เจ้าสร้างขึ้นสามารถใช้งานได้หรือไม่
                “เจ้านี่...เฮ้อ นางนึกว่าเฟยาจะมีความคิดดี ๆ ที่ทำให้นางสร้างอาวุธเวทย์ได้เก่งขึ้นเสียอีก ที่แท้เฟยาก็แค่หาคนมาช่วยตนผ่าฟืนเท่านั้นเอง ถึงข้าจะอยากช่วยเจ้าผ่าฟืนมากขนาดไหนนะเฟยา แต่ท่านแม่คงไม่ยอมหรอก ยิ่งรู้ว่าข้าช่วยเจ้า เจ้าเองนั่นแหละที่จะถูกท่านแม่ทำโทษ
                เฟยายักไหล่อย่างไม่ยี่หระ นางก็พูดไปอย่างนั้นเอง
                ขณะที่เฟยากำลังฝ่าฟืนอย่างแข็งขัน เฟเรียก็นั่งลงบนกองฟืนที่ผ่าแล้วและวางซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ นางพยายามสร้างอาวุธเวทย์ขึ้นมาจากไฟ แต่เปลวไฟไม่อาจมีรูปลักษณ์ที่ชัดเจน เมื่อนางตั้งสมาธิจนเปลวไฟมีรูปร่างใกล้เคียงกับที่นางต้องการ แต่เพียงเสี้ยวนาทีเท่านั้นมันคลายรูปร่างจนไร้รูปทรงดังเดิม
                เฟยาหันไปมองเฟเรียหลายต่อหลายครั้ง แล้วก็เห็นความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า แต่นางก็ไม่อาจช่วยอะไรเฟเรียได้ ยิ่งเฟเรียตั้งสมาธิจดจ่ออยู่กับการสร้างอาวุธจนเผลอไผลต่อสิ่งรอบข้าง จนละเลยความระมัดระวังว่าตนเองกำลังนั่งอยู่ใกล้กับกองเชื้อเพลิง ทำให้ประกายไฟของเฟเรียติดกับกองไม้กองฟืนอยู่บ่อยครั้ง จนนางต้องเหลียวมองเฟเรียอยู่บ่อย ๆ และคอยดับไฟโดยไม่ให้เฟเรียรู้ตัว
                เฟเรีย ข้าว่าเจ้าไปนั่งที่อื่นเถอะ เฟยาชักเบื่อ นางต้องผ่าฟืนอีกกองใหญ่ที่ไม่รู้จะเสร็จเมื่อใด แล้วยังต้องมาคอยระมัดระวังให้เฟเรียอีก แล้วอย่างนี้นางจะทำงานเสร็จได้อย่างไร เจ้ามาใช้เวทย์ไฟบนกองฟืนเนี่ยนะ...ดูสินั่น เฟยาชี้เปลวเพลิงเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นข้าง ๆ เฟเรีย
                “ว้าย เฟเรียตกใจที่เห็นผลงานความเลินเล่อของตนเอง จึงรีบดับไฟแล้วลุกไปนั่งบนพื้นที่อยู่ห่างจากกองฟืนที่นางนั่ง เกือบไปแล้ว
                เจ้าเข้าบ้านไปเถอะเฟเรีย ถ้าเจ้าไม่เข้า ก็มาช่วยข้าผ่าฟืนดีกว่า
                ท่านแม่ได้ลงโทษเจ้าน่ะสิ
                ถูกอย่างที่เฟเรียพูด หากเฟเรียช่วยนางทำงาน นางคงต้องถูกท่านแม่ลงโทษ ซึ่งแน่นอนว่าเฟเรียจะไม่ถูกลงโทษเช่นนาง ไม่ว่าจะในแง่ผู้ร่วมกระทำผิด หรือฝ่าฝืนคำสั่ง เฟเรียก็จะไม่มีวันถูกท่านพ่อท่านแม่ลงโทษเด็ดขาด ก็มีแต่นางนี่แหละที่รับเคราะห์ไปเต็ม ๆ
                เฟเรียคิดถูกแล้วที่ไม่ฝ่าฝืนคำสั่งของท่านแม่


                เมื่อราตรีมาเยือนแสงจันทร์กระจ่างทั่วนภา ผู้คนต่างหลับใหลเข้าสู่นิทรารมย์ เมื่อนั้นก็เป็นเวลาของเฟยา หญิงสาวลุกออกจากที่นอนโดยแน่ใจแล้วว่าห้องนอนของตนลงกลอนไว้อย่างแน่นหนา และที่สำคัญคือ...ทุกคนในบ้านหลับกันหมดแล้ว
                เฟยาค่อย ๆ โรยตัวออกทางหน้าต่างห้องนอนของตนซึ่งอยู่ชั้น 2 อย่างแผ่วเบาและสวยงาม เมื่อสังเกตรอบ ๆ แล้วว่าไม่มีใครเห็นนาง นางจึงรีบรุดไปยังป่าต้องห้าม
                ป่าต้องห้ามที่ต้นไม้ขึ้นรกครึ้ม ยากที่แสงแดดจะส่องถึงนับประสาอะไรกับแสงจันทร์กระจ่าง ที่ให้แสงสว่างเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรง ทำให้ในป่ามีแต่ความืดมิด แต่เฟยาก็ยังคงเดินเข้าป่าต้องห้ามไปอย่างไม่สะดุด
                นางเข้าออกป่านี้มาหลายปีแล้วถึงนางจะหลับตาเดินนางก็ยังเดินได้อย่างชำนาญทาง แม้ในป่าจะมืดสักเพียงใดเฟยาก็ยังคงเหยียบย่างเดินอย่างสบาย ๆ นางเลือกที่จะเดินเข้าป่าแบบมืด ๆ แทนที่จะใช้เวทย์สร้างแสงสว่างนำทาง เพราะนางต้องการความแน่ใจว่าจะไม่มีใครสังเกตเห็นนาง ยิ่งนางเข้าออกป่าต้องห้ามมานานเท่าใด นางก็ยิ่งต้องอาศัยความระมัดระวังไม่ให้ใครจับได้มากขึ้นเท่านั้น
                อาจารย์ข้ามาแล้ว
                ชายหนุ่มที่ยังดูอ่อนวัย มีหนวดเครารกครึ้มบดบังใบหน้า นั่งอยู่หน้ากองไฟซึ่งก่อไว้หน้าถ้ำ เฟเรียเข้าไปนั่งข้าง ๆ อาจารย์ ทว่าก้นยังแตะไม่ถึงพื้นนางก็ต้องรีบถอยห่างออกมา
                อาจารย์ นี่ท่านไม่ได้อาบน้ำมากี่วันแล้ว
                เรื่องแค่นี้เจ้าอย่าใส่ใจนักเลย
                ก็ท่าน... เฟยาเอานิ้วบีบจมูกตนเอง เหม็นนี่
                “นังเด็กนี่
                หนวดเคราก็ไม่ยอมโกน ผมท่านน่ะสามารถให้พวกนกมาทำรังอยู่ได้เลยนะอาจารย์ ข้าว่าท่านไปอาบน้ำเสียบ้างเถอะ ไม่เห็นแก่ตนเองก็เห็นแก่ลูกศิษย์ของท่านบ้างเถอะ หากอาจารย์ของนางหมั่นอาบน้ำบ้างก็คงดี ยิ่งหนวดเครายิ่งแล้วใหญ่ นาน ๆ ครั้งนางถึงจะเห็นใบหน้าที่เกลี้ยเกลาของอาจารย์โดยปราศจากเครารก ๆ พวกนั้นเสียที
                แต่ยิ่งนึกนางก็ยิ่งสงสัย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดอาจารย์ของนางก็ยังดูหนุ่มอยู่เสมอ ผิดกับท่านพ่อของนางที่นับวันจะยิ่งแก่ลงเรื่อย ๆ จนนางไม่อาจคาดเดาได้ว่าอาจารย์อายุเท่าไรแล้ว
                เจ้าหรือข้ากันแน่ที่เป็นอาจารย์ ข้าจะอาบน้ำหรือไม่อาบมันก็เรื่องของข้า
                แต่ว่า เฟยาหน้างอง้ำ กลิ่นมันเหลือทนแล้วนี่อาจารย์ ขนาดข้านั่งห่าง ๆ ท่านข้ายังได้กลิ่นเลย เอาน่าอาจารย์ก็แค่อาบน้ำเท่านั้นเอง แล้วพรุ่งนี้ข้าจะเอาของโปรดท่านมาให้ เฟยาชักจูงด้วยเหล้าโปรดของอาจารย์
                ได้ แล้วเจ้าอย่าลืมเสียล่ะ พรุ่งนี้เอามาให้ข้าสองขวด
                สองขวด!!” เหล้าที่อาจารย์โปรดปรานนั้นแรงเป็นพิเศษ หนึ่งขวดอาจารย์ดื่มหมดภายในหนึ่งเดือน แล้วนี่จะให้นางเอามาให้ตั้งสองขวดเชียว อาจารย์คงไม่ดื่มทั้งสองขวดภายในเดือนเดียวหรอกนะ
                ใช่สองขวด แต่ว่าตอนนี้เจ้าไปเก็บฟืนมาให้ข้าเสียก่อน ฟืนใกล้จะหมดแล้ว
                ตอนเช้านางต้องผ่าฟืน ตกกลางคืนนางก็ต้องหาฟืน นางกลายเป็นคนหาฟืนไปแล้วหรือนี่
                เฟยาสร้างดวงไฟขึ้นมาดวงหนึ่งไว้แทนตะเกียงเพื่อส่องนำทาง เพียงแต่ดวงไฟนั้นส่องสว่างชัดเจนกว่าตะเกียงใด ๆ แต่กลับนวลตาดั่งแสงจันทร์ และลอยล่องส่องนำทางอยู่ข้างหน้านาง
                เดวา เกวลเรียก
                อะไรหรืออาจารย์
                คราวก่อนเจ้าก็ไปหาฟืนแถวนั้น ป่านนี้มันยังคงเหลือให้เจ้าเก็บอยู่หรอก เกวลชี้ให้เฟยาเดินไปอีกทางหนึ่ง เก็บมาให้เยอะ ๆ ล่ะ
                “ทราบแล้วอาจารย์ เฟยาตอบเสียงอ่อย
                นางเดินเก็บเศษกิ่งไม้ไปตามทาง ใหญ่บ้างเล็กบ้าง บ้างก็เจอท่อนไม้ใหญ่ที่หักลงมาอยู่ใต้ต้น พอเก็บได้เยอะขึ้น นางก็จะหาเถาวัลย์มามัดพวกฟืนเข้าไว้ด้วยกัน มัดเข้า มัดเข้า มัดไปมัดมากลายเป็นว่านางต้องลากมัดฟืนเกือบสิบมัดและฟืนที่เก็บได้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นท่อนไม้ใหญ่ทั้งนั้น
                ที่อาจารย์สั่งให้นางมาเก็บฟืนทางนี้เพราะอาจารย์ต้องการใช้งานนางให้หนักหรือนี่...อาจารย์คงไม่ได้ทำให้ท่อนไม้ใหญ่ ๆ พวกนี้ตกลงมาหรอกนะ
                เฟยาเดินกลับไปหาอาจารย์ที่ถ้ำ โดยมีดวงไฟที่สร้างขึ้นลอยนำหน้า และกองท่อนฟืนลอยตามหลัง...แล้วนางจะเสียแรงแบกไปทำไมกันเล่า
                อาจารย์ข้ากลับมาแล้ว
                เกวลแค่ปรายตามองลูกศิษย์แล้วสั่งให้นางผ่าฟืนที่นางเก็บมาได้ทั้งหมดให้เสร็จ เฟยาน้อมรับคำอย่างว่าง่าย นางนำท่อนไม้ และเศษไม้ที่เก็บได้กองไว้รวมกันอย่างเป็นระเบียบ
                เฟยามองกองไม้ที่ซ้อนกันเป็นชั้น ๆ อย่างพึงพอใจ แล้วตวัดมือขึ้น เพียงแค่ไม่กี่ครั้งสายลมแหลมคมที่พัดผ่านได้ผ่ากองไม้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยโดยไม่เสียเวลา
                นี่ ๆ ใครใช้ให้เจ้าใช้เวทย์ฮึ เดวา ชายหนุ่มท้วง
                แต่อาจารย์ก็ไม่ได้ห้ามข้านี่ เฟยาย้อน
                ข้าอยากให้เจ้าฝึกกำลังไว้บ้าง เอาแต่ใช้เวทย์อย่างนี้ สักวันจะกลายเป็นคนปวกเปียกเอา
                โธ่! อาจารย์ ...วันนี้ข้าโดนท่านแม่ใช้ผ่าฟืนตั้งแต่เช้า แล้วนี่อาจารย์ก็จะให้ข้าผ่าฟืนอีก ท่านไม่สงสารข้าบ้างเหรอ ตอนนี้ข้าแทบไม่มีแรงแล้วนา แล้วท่านดูนี่สิ นางถลกแขนเสื้อขึ้นแล้วโชว์กล้ามเนื้อเล็ก ๆ ที่ต้นแขนของนาง แขนข้ากล้ามขึ้นแล้วนะอาจารย์ ผู้หญิงที่มีกล้ามน่ะน่าเกลียดจะตายไป
                แค่นี้เขาไม่เรียกว่ากล้ามหรอกนังเด็กน้อย
                เฮอะ ข้าไม่เถียงท่านแล้ว ข้าไปดีกว่า อ้อ! ถ้าพรุ่งนี้ข้ามาหาแล้วเห็นว่าท่านยังไม่อาบน้ำโกนหนวดโกนเครานะ ถ้าจะเอาเหล้าของท่านไปเททิ้งให้หมด
                ไปได้แล้ว เกวลไล่ เขาชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าใครกันแน่ที่เป็นอาจารย์ ใครเป็นลูกศิษย์ ก็ดูนางสิไม่มีเกรงเขาบ้างเลย
                เฟยาไม่ได้ตรงออกจากป่าในทันที นางลัดเลาะพุ่มไม้ไปยังสระน้ำ ที่นางถือสิทธิ์เอาเองว่ามันคือของนาง ข้าง ๆ สระน้ำมีถังไม้สูงเลยหัวเข่าเล็กน้อย ยาวเท่าลำตัวของนางวางตั้งอยู่
                ทันใดนั้นน้ำในสระค่อย ๆ พวยพุ่งขึ้นเป็นสายเล็ก ๆ แล้วพากันไหลลงสู่อ่างไม้จนน้ำปริ่มขอบอ่าง แม้ว่าป่าแถบนี้จะมีแต่ต้นไม้สูงรกครึ้ม แต่บริเวณรอบ ๆ สระน้ำนี้เท่านั้นที่แสงแดด และแสงจันทร์จะสามารถส่องลงมาได้เพราะไม่มีต้นไม้คอยบดบัง
                เฟยามองเงาของพระจันทร์เสี้ยวที่ปรากฏอยู่บนผิวน้ำในอ่างไม้อย่างพึงพอใจ นางมักจะมาอาบน้ำที่นี่เป็นประจำ เพราะนอกจากกลิ่นหอมของต้นไม้นานาพันธุ์แล้ว การได้ชมจันทร์ระหว่างแช่ตัวในน้ำเป็นสิ่งที่นางหลงใหลยิ่ง
                เฟยาจุ่มมือลงในอ่างน้ำ แล้วกวนน้ำอยู่ 2-3 รอบ จากน้ำเย็นสดชื่นได้กลายมาเป็นน้ำอุ่นที่มีไอน้ำลอยคลุ้ง นางค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าทีละชิ้น ทีละชิ้น แล้วแขวนไว้บนกิ่งไม้เตี้ย ๆ ข้างอ่างน้ำก่อนจะลงไปแช่ตัวในน้ำอุ่น
                ฮ้า...สบายตัวจังเลย วันนี้นางเหนื่อยมาทั้งวัน แต่การได้แช่น้ำอุ่นและชมแสงจันทร์ก็นับว่าคุ้มค่า และทำให้ความเหนื่อยล้าของนางหายเป็นปลิดทิ้ง

                นิ้วเรียวยาวค่อย ๆ วักน้ำแล้วล้างคราบสกปรกออกจากตัว และใบหน้า เส้นผมที่เคยปรกหน้าถูกมือเปียกน้ำลูบขึ้นให้อยู่บนศีรษะ เผยให้เห็นดวงหน้าคมที่มีเสน่ห์เย้ายวน
                ใบหน้าสวยคมของเฟยาต่างจากใบหน้าสวยหวานของเฟเรียเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากไม่ยืนเทียบกันผู้คนก็แทบจะแยกกันไม่ออกเลยทีเดียวว่าใครเป็นใคร เฟยาจึงพยายามทำให้ตนเองดูแตกต่างจากเฟเรียมากที่สุด
                นางหาเสื้อผ้าสีเข้มมาสวมใส่ขณะที่เฟเรียมักสวมเสื้อผ้าที่มีสีสันสดใจ นางไม่มีเครื่องประดับติดกายสักชิ้น ในขณะที่เฟเรียต้องสวมสร้อยหรือใส่ต่างหูทุกครั้ง ผมเผ้าของนางมักจะรุงรังไม่เรียบร้อยจนถูกท่านแม่ต่อว่าเอาบ่อย ๆ ในขณะที่เส้นผมของเฟเรียจะดูสวยงามทุกวัน
                เฟยาไม่ยี่หระหากใครจะเปรียบเทียบนางกับเฟเรีย และมองนางอย่างดูแคลนในสภาพที่ดูรุ่มร่ามและไม่สวยงามอย่างหญิงสาวทั่วไป ขอเพียงแค่ไม่มีใครจำนางสับสนกับเฟเรียได้ก็เพียงพอแล้ว
                แต่ติดอยู่ตรงที่ว่า...ด้านหลังของนางกับเฟเรียยังทำให้ผู้คนทักผิดอยู่บ่อย ๆ แม้ว่าสีของผมจะไม่เหมือนกันซะทีเดียว แต่มันก็ใกล้เคียงกัน หากไม่ได้มายืนคู่กันก็ทำให้ทักผิดทักถูกอยู่เสมอ
                หรือนางจะหาทางเปลี่ยนสีผมของนางดี
                คงไม่...นางชอบสีผมของนางมาก มันเป็นสีน้ำตาลเข้ม ในเวลากลางมันจะดูเหมือนสีดำ หากเมื่อต้องแสงแดดมันจะเห็นเป็นสีน้ำตาลอ่อน
                “หรือข้าจะตัดผมให้สั้นดี” ความคิดนี้เป็นต้องหายไปในเวลาอันสั้น เพราะนางชอบเวลาที่เส้นผมคลอเคลียไหล่และแผ่นหลังมากกว่า เฮ้อ ช่างเถอะ ก็แค่ด้านหลังเอง
                เฟยาแช่น้ำอย่างเพลิดเพลิน จนผิวขาวเนียนเริ่มเหี่ยวย่นเพราะแช่น้ำนานเกินไปนางจึงขึ้นจากน้ำ ทันใดน้ำในอ่างไม้ก็ไหลออกจนหมด ในขณะที่นางใส่เสื้อผ้าจนเสร็จ
                นางย่ำเท้าไปบนพื้นดินที่เต็มไปด้วยเศษใบไม้ร่วง ท่ามกลางความมืดมิดของราตรี แต่นางก็ยังคงก้าวต่อไปอย่างคล่องแคล่ว ...จนถึงต้นไม้ใหญ่
                ดวงไฟเล็ก ๆ นับสิบดวงขนาดเท่ากำปั้นที่เฟยาสร้างขึ้นมา ส่องแสงสว่างนวลรอบ ๆ ต้นไม้ ตั้งแต่โคนต้นจนถึงปลายยอด เฟยาค่อย ๆ ลอยตัวสูงขึ้นจนถึงกิ่งไม้ใหญ่ที่หนาและแข็งแรง นางนั่งหย่อนขาแล้วปล่อยใจให้ลอยไปไกล
                ตอนนี้เจ้าอยู่ไหนนะคีล เจ้ายังจำนัดของเราได้หรือไม่นะ เจ้ายังจำต้นเดวาต้นนี้ได้อยู่หรือเปล่า นางมักจะแวะมานั่งที่ต้นไม้นี้บ่อย ๆ คาดหวังไว้เสมอว่าจะได้เจอคีลที่นี่ ...แม้มันจะไม่ใช่วันที่ตกลงกันไว้ก็ตาม
                ผ่านมาหลายปี นางก็ยังคงได้แต่เฝ้าคอย ไม่รู้เมื่อใดจะได้พบเขาอีก บัดนี้คีลได้กลายเป็นรายาแล้ว เป็นผู้นำดินแดนทั้งห้า ภาระหน้าที่ย่อมทำให้เขาปลีกตัวมาตามนัดไม่ได้ง่าย ๆ ...แล้วเมื่อไรกันที่นางจะได้เจอเขา เพื่อนคนแรกและเพียงคนเดียวของนาง
                เจ้ารีบมาได้แล้วคีล หากข้ารอไม่ไหวข้าจะเป็นฝ่ายไปหาเจ้าเองนะ หากนางรอไม่ไหวขึ้นมา นางจะเป็นฝ่ายไปหาเขาเอง ต่อให้ต้องบุกปราสาทแห่งมิดการ์ดนางก็จะทำ แล้วถ้าหากนางจับได้ว่าเขาลืมสัญญาของเราไปแล้ว นางก็จะสั่งสอนเขาให้หลาบจำ ...ต่อให้เป็นรายานางก็ไม่สน
                เฟยากลับเข้าบ้านเมื่อเวลาใกล้รุ่งสาง (เวลานอนที่แท้จริงของนาง) นางแอบเข้าห้องทางหน้าต่างที่เปิดไว้ (ทางที่นางใช้ออกตั้งแต่เมื่อคืน) แล้วล้มตัวลงนอน อากาศเย็นสบายในช่วงรุ่งสางทำให้นางผลอยหลับได้ในทันที และกว่านางจะถูกปลุกให้ตื่นก็เกือบเที่ยงวันแล้ว
                เจ้าลูกคนนี้ เกียจคร้านเป็นที่หนึ่ง ต้องให้ข้าปลุกทุกวันสิน่า เมเรียบ่นกระปอดกระแปดเมื่อต้องปลุกเฟยาทุก ๆ วัน
                ลูกสาวคนนี้นับเป็นความอับอายอย่างยิ่ง นอกจากหน้าตาจะชอบทำตัวให้ดูสกปรกรุงรังแล้ว ยังเกียจคร้าน นอนตื่นสาย และไม่ยอมฝึกเวทย์ วัน ๆ เอาแต่เที่ยวเล่น ช่างต่างกับเฟเรียเสียจริง ทั้ง ๆ ที่พวกนางเป็นฝาแฝดกันแต่ทำไมถึงได้ต่างกันถึงเพียงนี้
                ขออีกนิดเดียวนะท่านแม่ น้ำเสียงงัวเงียต่อรอง นางเพิ่งนอนไปได้ไม่นานนี้เอง ยังอยากจะพักผ่อนต่ออีกสักหน่อย
                ไม่ได้ ลุกขึ้นมาได้แล้ว ตอนนี้แขกเหรื่อเต็มบ้าน เจ้าจะให้แม่ต้อนรับเพียงคนเดียวหรือ ข้าให้เวลาเจ้าเพียง 3 นาทีเท่านั้นเฟยา แล้วเจ้าต้องรีบลงไปช่วยแม่ต้อนรับแขก
                ทันทีที่เมเรียออกจากห้องของเฟยาไป เฟยาก็แทบตาสว่างทันที
                3 นาที? ช่างมากมายเสียจริง
                เฮ้อ คราวนี้ใครมาอีกล่ะเนี่ย แล้วตอนนี้เฟเรียยังไม่กลับมาอีกหรืออย่างไรนะ แขกเหรื่อที่ท่านแม่ว่า ก็คงหนีไม่พ้นชายหนุ่มต่างแดนที่ได้ยินกิตติศัพท์ความงาม และความเก่งกาจของเฟเรีย บ่อยครั้งนักที่นางต้องต้อนรับขับสู้ผู้มาเยือนเหล่านั้น มันทำให้นางเบื่อหน่ายเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าพวกเขาจะมีของมีค่าติดไม้ติดมือมากำนัลก็ตาม
                เฟยาลุกจากที่นอนลงไปช่วยท่านแม่ต้อนรับแขกเหรื่อจากต่างแดน คราวนี้เป็นชายหนุ่มหน้าตาธรรมดา เป็นผู้ใช้เวทย์ที่พ่วงคำว่าร่ำรวย และพ่วงข้ารับใช้มาด้วยมากมาย นางไม่ชอบใจชายหนุ่นผู้นี้เลย เป็นเพียงผู้ใช้เวทย์ที่สามารถใช้เวทย์ได้เพียงนิดหน่อยเท่านั้น แต่กลับโอ้อวดตัวราวกับตนเองเป็นจอมเวทย์ แล้วยิ่งไอ้การใช้เวทย์มาเคลื่อนย้ายข้าวของในบ้างของนางโดยพละการ โดยอ้างว่ายังควบคุมพลังของตนเองไม่ได้นั้น นางดูแล้วก็เห็นว่าเขาหลอกลวงชัด ๆ
                ดูท่าว่าท่านแม่เองก็คงไม่ชอบใจเช่นกัน
                ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่ข้าถึงจะได้พบลูกสาวของท่าน ชายหนุ่มถามเมเรีย
                ตอนนี้ยังเป็นเวลาที่นางฝึกเวทย์อยู่ ท่านรอสักนิดเถอะ อีกไม่นานนางก็จะกลับมาแล้ว
                ข้าเดินทางมาจากมิดการ์ด นำของมีค่ามามอบให้แก่เฟเรีย เพราะได้ยินคำร่ำลือถึงความงามของนาง จึงใคร่อยากพบนางสักครา เพราะต้องการประจักษ์แก่สายตาตนเองว่านางคู่ควรกับข้าหรือไม่
                คู่ควรกับเขา?
                เมเรียพะอืดพะอมกับคำพูดของชายหนุ่มรุ่นลูกเต็มทน เขาพูดมาได้อย่างไรว่าเฟเรียจะคู่ควรกับเขาหรือไม่ ...นางว่าชายคนนี้ไม่มีค่าคู่ควรกับเฟเรียของนางด้วยซ้ำ ถึงจะเป็นเศรษฐีก็เถอะ ทุกวันนี้คนที่ต้องการพบเฟเรียมีมากมายนัก เป็นถึงจอมเวทย์ระดับสูงก็มี เศรษฐีอับดับหนึ่งก็มี แล้วนับประสาอะไรกับชายตรงหน้า
                ของมีค่าที่เขานำมามอบให้เฟเรีย นับไม่ได้กับโกดังหลังบ้านนางด้วยซ้ำ ในนั้นมีแต่ของมีค่าที่มีคนนำมามอบให้เฟเรียทั้งนั้น หากไม่ติดว่าต้องมีมารยาท นางคงไล่ชายคนนี้กลับไปตั้งนานแล้ว
                ส่วนเฟยานางก็ทำดั่งเช่นทุกครั้งคือเงียบไว้ก่อน เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่นางจะยุ่งด้วยได้ ชายคนนี้ไม่ใช่แขกของนาง นางไม่มีสิทธิ์ไล่เขาไป ถึงนางจะดูออกว่าท่านแม่ของนางอยากจะไล่ชายคนนี้ออกไปเสียเต็มประดา
                จวบจวนเฟเรียกลับมาถึงบ้าน
                ชายหนุ่มที่นั่งคอยการกลับมาของนาง ก็ได้ประจักษ์กับความงามที่สมกับคำร่ำลือ ไม่สิ...นางงามยิ่งกว่าคำร่ำลือเสียอีก
                ขออภัยที่ข้าไม่ได้อยู่ต้อนรับท่าน เฟเรียพูดประโยคประจำเมื่อเห็นว่ามีคนมานั่งรอนางอยู่ในบ้าน
                ไม่เป็นไรมิได้ เพียงข้าได้เห็นใบหน้าของท่านก็นับว่าคุ้มค่ากับความเหนื่อยยากที่ต้องเดินมาทางถึงนี่ มาคราวนี้ข้าได้นำของเล็ก ๆ น้อย ๆ มามอบให้ท่านด้วย
                ชายหนุ่มยื่นหีบขนาดย่อมมาวางไว้ตรงหน้าเฟเรียแล้วเปิดฝาหีบออก เผยให้เห็นอัญมณีมีค่าหลายหลายสีนับสิบ ๆ เม็ด มูลค่ามหาศาล
                อัญมณีพวกนี้ถือเป็นของหมั้นหมายจากข้า ท่านได้โปรดรับไว้ด้วย หากข้ากลับไปมิดการ์ดแล้ว ข้าจะส่งของมีค่าอื่น ๆ ตามมา คำพูดเหนือความคาดหมายจากชายหนุ่ม ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้แก่หญิงทั้งสามที่อยู่ในห้องนั้นแม้แต่น้อย บ่อยครั้งนักที่แขกผู้มาเยือนต้องการหมั้นหมายกับเฟเรียในทันทีที่ได้พบหน้า
                ข้าคงรับไว้ไม่ได้ ท่านได้โปรดนำกลับไปเถอะ เฟเรียปิดฝาหีบลงแล้วผลักมันกลับไปให้ชายหนุ่มที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อ
                ทำไมกัน หรือว่ามันน้อยเกินไป ข้าบอกท่านแล้วว่าเมื่อข้ากลับไปมิดการ์ดจะส่งของมาให้ท่านอีก หรือท่านต้องการสิ่งใด ท่านบอกข้ามาได้ ชายหนุ่มยังคงดื้อดึง
                ที่ข้าไม่รับของจากท่าน ไม่ใช่ว่ามันน้อยเกินไป แต่เพราะข้าไม่ประสงค์จะหมั้นหมายกับท่านต่างหาก
                เหตุใดเจ้าจึงปฏิเสธข้า ชายหนุ่มเปลี่ยนสรรพนามเรียกเฟเรียจากท่านเป็นเจ้า ข้าเห็นว่าเจ้าคู่ควรกับข้า แล้วเจ้าเองก็คงหาคนที่เหมาะเท่าข้าไม่ได้อีกแล้ว
                เฟเรียยังคงใจเย็น เหตุการณ์แบบนี้นางเคยเจอมานักต่อนักแล้ว นางสามารถจัดการชายตรงหน้านี้ได้แน่
                ที่ข้าปฏิเสธท่าน เป็นเพราะว่าข้าเจอท่านวันนี้เป็นครั้งแรก แม้แต่ชื่อท่านข้าก็ยังไม่รู้ ที่สำคัญข้าไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษใด ๆ ต่อท่าน ได้โปรดให้อภัยข้าด้วยที่ไม่สามารถตอบรับท่านได้
                แต่ว่า
                ข้าไม่เหมาะสมกับท่านหรอก โปรดอภัยให้ข้าด้วย ...เชิญ เฟเรียผายมือไปทางประตูเป็นเชิงไล่
                ผู้ชายน่ารังเกียจอย่างนี้นางไม่ค่อยอยากจะเสวนา หรือมีมารยาทด้วยสักเท่าใด
                เจ้า
            “ตอนนี้ข้าเหนื่อยจากการฝึกเวทย์มา อยากพักผ่อน ข้าคิดว่าท่านคงเป็นคนใจกว้าง บุรุษเช่นท่านคงไม่ถือที่ข้าเสียมารยาท และเรื่องที่ข้าปฏิเสธท่านหรอกนะ นางส่งยิ้มให้ รอยยิ้มของเฟเรียทำให้ใบหน้างาม งดงามยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า ชายหนุ่มที่มองไม่กระพริบตาได้หลงใหลความงามของเฟเรียมากยิ่งขึ้น จนยากที่จะถือเอาความโกรธมาเป็นอารมณ์ แม้ว่านางจะปฏิเสธเขาต่อหน้าคนของเขาเอง
                ม...ไม่ ข้าไม่ถือ เชิญเจ้าตามสบาย ข้า...ข้าคงต้องขอตัวก่อน

                เฟยาถือโอกาสที่เฟเรียกำลังไล่ชายจากต่างแดน แอบแวบออกมาจากบ้านแล้วตรงไปกระท่อมท้ายตลาดของเจ้าคนแคระ
                มาแล้วรึเฟยา เจ้าคนแคระทัก วันนี้จะเอาเหมือนเดิมใช่ไหม
                ข้าขอสามขวดเลยละกัน
                สามเชียวรึ
                ถึงอาจารย์จะบอกนางว่าต้องการสองขวด แต่นางก็คิดว่าจะซื้อเหล้าไปให้อาจารย์สามขวด ถือว่าเป็นการเอาใจท่าน นางว่าถ้าอาจารย์เห็นนางหิ้วเหล้าไปให้ท่านถีงสามขวด อาจารย์ต้องอารมณ์ดีแน่ ๆ
                ขณะที่เจ้าคนแคระกำลังจัดเตรียมเหล้าให้นาง เฟยาก็เดินไปที่ผนังถ้ำด้านในสุดซึ่งมีขวดเหล้ามากมายวางอยู่บนชั้นเรียงรายจนเต็มผนัง นางเอื้อมไปหยิบขวดเหล้ากระเบื้องเคลือบสีดำออกมาหนึ่งขวด แล้วเปิดฝาออกสูดดมกลิ่นหอมของเหล้าที่อยู่ภายใน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในทุ่งที่เต็มไปด้วยดอกไม้ป่าในฤดูใบไม้ผลิ
                นางถือขวดเหล้าสีดำแล้วส่งให้เจ้าคนแคระ นำไปสมทบกับขวดเหล้าสีขาวของอาจารย์ทั้งสามขวด
                ก่อนไปเจ้ามาช่วยชิมเหล้าให้ข้าหน่อยสิเฟยา ข้าเพิ่งหมักเสร็จไม่กี่วันนี้เอง
                ได้สิ
                เจ้าคนแคระเดินไปทางโรงหมักเหล้าของตนแล้วเดินกลับมาพร้อมกับเหล้าหนึ่งขวดที่ไม่ได้ปิดฝา เขายื่นมันให้นาง
                เหล้าใหม่หรือ นางสูดดมกลิ่นของมันก่อน กลิ่นหอมสดชื่นเหมือนต้นไม้ยามได้รับน้ำฝน ทำให้นึกถึงทุ่งหญ้ากว้างเขียวขจี กลิ่นดิน และกลิ่นฝน
            “ข้าเพิ่งจะลองหมักสูตรใหม่ดู
                เฟยาค่อยชิมเหล้าทีละน้อย ค่อย ๆ ซึมซาบรสชาติ หลังจากนั้นก็ดื่มเข้าไปอีกอึกใหญ่
                มันแปลกดีนะ แต่ข้าชอบ เหล้าที่มีกลิ่นของทุ่งหญ้า ทว่ารสชาติกลับหวานอมเปรี้ยวและมีรสขมอยู่นิด ๆ
                อย่างนั้นก็แสดงว่าใช้ได้เขามักจะให้เฟยาเป็นคนชิมเหล้าสูตรใหม่ก่อนเอามาขายเสมอ เพราะเมื่อใดที่นางได้ดื่มเหล้า แล้วบอกว่ารสชาติดี เหล้านั้นมักจะขายได้เสมอ อ๊ะ ๆ นั่นเจ้าทำอะไรน่ะเฟยา เจ้าคนแคระเห็นเฟยาดื่มเหล้าที่เขาเอามาให้หมดขวดก็ตกใจ
                ทำไมเหรอ เอิ๊ก!” เอ๋ นางสะอึกหรือนี่ เหล้าของเจ้าแรงชะมัดเลย เพียงขวดเดียวก็ทำให้นางเมามายได้แล้ว
                ข้าก็ลืมบอกเจ้าไป เอาเถอะ ๆ เจ้ากลับไปแล้วได้ เหล้าสี่ขวดข้าไม่คิดเงินแล้วกัน ถือว่าเป็นค่าที่เจ้าช่วยชิมเหล้าให้ข้า
                หนอย...พอหมดธุระก็ไล่นางกลับทันที แล้วนางจะกลับบ้านได้อย่างไรกันล่ะตอนนี้ ขืนเมากลับไปอย่างนี้ ท่านแม่ได้ไล่ตีนางน่ะสิ ทางที่ดีนางคงต้องไปหาอาจารย์ตั้งแต่ยังไม่มืดเสียแล้ว
                เอิ๊ก!” เฟยาสะอึกไม่หยุด
                ยังยืนอยู่นี่อีก กลับไปได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นเขาเห็นว่าเจ้าอยู่นี่หรอก
                รู้แล้ว จะไปเดี๋ยวนี้แหละ ทำไมนางต้องทำตัวหลบ ๆ ซ่อน ๆ แบบนี้ด้วยนะ จะเข้าป่าต้องห้ามก็ต้องรอมืด จะมาซื้อเหล้าให้อาจารย์ก็กลัวคนเห็น ยิ่งคราวนี้หิ้วมาตั้งสี่ขวด ใครมาเห็นเข้าคงได้หาว่านางขี้เหล้าแน่
                ปึ้ก!!!
            “โอ๊ย เฟยากระโดดเหยง ๆ ไม่รู้ว่าเดินไปเตะโดนอะไรเข้า แต่กระโดดได้ไม่กี่ครั้งนางก็มีอันต้องเซล้มกองกับพื้น
                หะ...ก้อนหิน นี่นางเมาขนาดนี้เชียวหรือนี่ ก้อนหินขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนพื้นทางเดินระหว่างกระท่อมของเจ้าคนแคระกับด้านหลังตลาด ทั้ง ๆ ที่นางเองก็เห็นอยู่เป็นประจำแต่วันนี้นางกลับเดินแล้วเตะโดนมันเชียวหรือนี่
                ไม่น่าเลย รู้ทั้งรู้ว่า เอิ๊ก! เหล้าของเจ้าคนแคระน่ะแรงขนาดไหน ยังเผลอดื่มเสียหมดขวด เฟยาสำรวจขวดเหล้าทั้งสี่ว่าไม่มีขวดไหนแตก ก็เบาใจแล้วนั่งลงข้าง ๆ ก้อนหินเจ้าปัญหาก้อนนั้นเพื่อรอให้สร่างเมาเสียก่อน


                เจ้าหายไปไหนมาเฟยา เมเรียทำเสียงดุใส่ลูกสาวจนเฟยาสะดุ้งเฮือก
                ท ท่านแม่ ภาวนาขออย่าให้ท่านแม่ให้กลิ่นเหล้าที่นางดื่มไปเลยนะ
                หลังจากนางสร่างเมาแล้ว เฟยาก็ตัดสินใจกลับบ้านก่อนแทนที่จะเข้าไปหาอาจารย์ที่ป่าต้องห้ามตามความคิดเดิม นางเห็นว่าอีกไม่นานก็เย็นแล้ว รอให้มืดเสียก่อนค่อยไปหาอาจารย์ดีกว่า เมื่อกลับถึงบ้านนางก็รีบเอาขวดเหล้าทั้งสี่ไปซ่อนไว้ที่พุ่มไม้นอกบ้าน ตรงกำแพงบ้านฟากเดียวกับห้องนอนของนาง เสร็จแล้วก็เดินวกเข้าหน้าบ้าน
                มีงานตั้งมากมายรอให้เจ้าทำ แต่เจ้ากลับหนีไปเที่ยวเล่นอีกแล้วหรือ
                ... มีงานให้นางทำอีกแล้วหรือนี่!
            “เจ้ารีบไปตักน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะ ทำให้เสร็จก่อนมืดล่ะ
                แต่ว่าท่านแม่ ตอนนี้ข้าหิวมากเลย ขอข้าทานอะไรก่อนได้ไหม เสร็จแล้วข้าจะรีบไปตักน้ำทันที
            “ไม่ได้ เมเรียตวาดใส่ลูกสาว เป็นการลงโทษเจ้าที่เอาแต่หนีเที่ยวไม่ยอมทำงาน
                เฟยาคอตกหิ้วถังน้ำเดินตรงไปที่บ่อน้ำข้างบ้านซึ่งขุดไว้ใช้ นางค่อย ๆ ตักน้ำจากบ่อใส่ถังที่หิ้วมา หลังจากนั้นก็หิ้วถังน้ำไปเทใส่ถังไม้ใบใหญ่ ทำอย่างนี้อยู่สิบกว่าเที่ยวเพราะนางต้องเติมน้ำให้เต็มถังไม้ ซึ่งมีอยู่ตั้งห้าถังใหญ่
                ท่านแม่นะท่านแม่ ให้นางทานอะไรรองท้องก่อนก็ไม่ได้ นางโดนปลุกตั้งแต่เช้าให้มาต้อนรับแขก หลังจากนั้นนางก็ไปที่กระท่อมหลังตลาดเพื่อไปเอาเหล้าให้อาจารย์ กว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบเย็น วันทั้งวันนางไม่ได้ทานอะไรเลย นอกจากเหล้าไปขวดเดียว ตอนนี้นางทั้งหิวทั้งหมดแรงจะแย่อยู่แล้ว จะใช้เวทย์แทนการตักน้ำก็กลัวใครจะมาเห็น และหากมีใครรู้ว่านางใช้เวทย์ได้ ไม่พ้นนางต้องถูกเอาไปเปรียบเทียบกับเฟเรียแน่ ๆ ...รับรอง
                และที่สำคัญถ้าเกิดเฟเรียไปใช้เวทย์แล้วเผลอทำให้คนอื่นเดือดร้อนเหมือนคราวเหตุไฟไหม้เมื่อหลายปีก่อน นางคงไม่พ้นเป็นผู้กระทำผิดอีก ทำให้นางไม่ค่อยใช้เวทย์เมื่ออยู่นอกป่าต้องห้าม แต่เมื่อใดที่ใช้เวทย์นางก็จะไม่ให้ใครเห็น หรือรู้เป็นอันขาด
                ปล่อยให้ใครต่อใครคิดว่านางเป็นคนไม่เอาไหน ยังดีกว่าจำนางผิดคิดว่านางคือเฟเรียเสียอีก
                เฟยา เจ้าตักน้ำเสร็จหรือยัง ให้ข้าช่วยไหม เฟเรียออกมาช่วยเฟยาเมื่อรู้ว่าท่านแม่ใช้เฟยาตักน้ำใส่ถัง
                เจ้าน่าจะมาเร็วกว่านี้นะเฟเรีย ข้าตักน้ำใส่ถังเสร็จหมดแล้ว แล้วตอนนี้ข้าก็หิวมากด้วย ท่านแม่ตั้งโต๊ะรึยังล่ะ
            “ตั้งแล้ว ตอนนี้ทุกคนกำลังรอเจ้าอยู่ รีบเข้าไปเถอะ ขืนช้าเดี๋ยวก็โดนท่านแม่ว่าเอาอีกหรอก
            “นั่นสิ
                บนโต๊ะอาหารเฟยาเอาแต่นั่งกินลูกเดียวไม่สนใจอะไรทั้งนั้นให้สมกับที่ไม่ได้ทานอะไรทั้งวัน แม้ว่าบนโต๊ะจะมีการสนทนาภายในครอบครัว แต่นางก็ไม่สนใจ ถึงไม่ฟังนางก็รู้ว่าใครจะพูดอะไรบ้าง
                ท่านพ่อจะพูดกับเฟเรียเสียเป็นส่วนใหญ่ ท่านมักจะถามเฟเรียเรื่องฝึกเวทย์และเรื่องของท่านผู้เฒ่า และไม่ใคร่สนใจถามไถ่นางซึ่งเป็นลูกสาวอีกคน
                เฟเรียก็จะตอบไปว่าแต่ละวันนางได้ฝึกอะไรไปบ้าง ท่านผู้เฒ่าซึ่งเป็นอาจารย์ของนางได้สอนอะไรบ้าง
                ส่วนท่านแม่ ...ถ้าวันไหนมีแขกมาหาเฟเรีย ท่านแม่ก็จะรายงานให้ท่านพ่อฟังว่าผู้ชายคนนั้นเป็นอย่างไร คู่ควรกับเฟเรียหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่ท่านแม่ก็มักจะพูดว่า ไม่คู่ควรกับเฟเรียเลยสักนิดนางคิดว่าในสายตาของท่านพ่อและท่านแม่คงไม่มีใครคู่ควรกับเฟเรียทั้งนั้น
                เฟยาเจ้าอย่าเอาแต่เที่ยวเล่นไปวัน ๆ สิ อยู่ช่วยแม่ของเจ้าทำงานเสียบ้าง
                ค่ะ สงสัยท่านแม่ต้องฟ้องท่านพ่ออีกแน่เลยว่านางหนีเที่ยว แต่นางก็ช่วยงานท่านแม่ทุกครั้งนี่ ดูอย่างวันนี้สิ ฟ้าจะมืดอยู่แล้วนางยังต้องไปตักน้ำใส่ถังอยู่เลย
                เฟยาขอตัวขึ้นห้องก่อน นางล้มตัวลงนอนพักผ่อนรอเวลาที่ทุกคนหลับแล้วค่อยออกไปหาอาจารย์ วันนี้นางรู้สึกล้าไปหมด อยากนอนเต็มแก่แล้ว แต่วันนี้นางต้องออกไปหาอาจารย์ ถ้านางไม่ไปอาจารย์คงเหงาแย่
                หรือว่าวันนี้ไม่ไปดี ก็นางเหนื่อยเต็มทนแล้วนี่นา
                แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าของอาจารย์ที่เกลี้ยงเกลาปราศจากหนวดเครารก ๆ นั่น นางก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที นางไม่ได้เห็นใบหน้าอันอ่อนวัยของอาจารย์มานานแล้ว ถ้าวันนี้ไม่ได้เห็นคงเสียดายแย่
                เมื่อทุกคนในบ้านหลับกันหมด ก็เป็นเวลาที่เฟยาจะต้องออกจากบ้าน นางออกทางหน้าต่างห้องนอนของตนเองดังเฉกเช่นทุกครั้ง โดยไม่ลืมหิ้วขวดเหล้าของอาจารย์ไปด้วย
                อาจ๊าน เฟยาเรียกหาอาจารย์ของตนมาแต่ไกล นางหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เห็นใบหน้าเกลี้ยงเกลาของอาจารย์ โอ้ว! อาจารย์ ท่านช่างอ่อนเยาว์นักใบหน้าที่แท้จริงของอาจารย์ที่นางไม่ได้เห็นมานาน แต่ไม่ว่าจะมองเมื่อไร ก็ดูอ่อนวัยอยู่เสมอ ไม่เสียเที่ยวที่นางหิ้วเหล้ามาให้
                เจ้าอย่ามาแซวข้าหน่อยเลย ไหนล่ะเหล้าของข้า สองขวดนะไม่ใช่ขวดเดียว
            “ข้ารู้ว่าท่านสั่งข้าไว้สองขวด แต่วันนี้ข้าเอามาให้ท่านสามขวดเชียวนะอาจารย์ ดูสิข้าเป็นลูกศิษย์ที่น่ารักไหมล่ะ
                เฟยายื่นขวดเหล้ากระเบื้องสีขาวให้เกวลสองขวด ส่วนอีกขวดหนึ่งนางบอกเขาว่าจะเอาไปเก็บในถ้ำให้ นางเดินเข้าไปในถ้ำอย่างชำนาญ เพราะในถ้ำมีแสงสว่างจากบ่อน้ำเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างใน ทำให้นางมองเห็นภายในถ้ำได้อย่างชัดเจน เฟยาวางขวดเหล้าไว้ริมผนังถ้ำ แล้วออกมานั่งสนทนากับเกวลข้างนอกถ้ำ
                “ข้าสงสัยจริง ๆ นะอาจารย์ว่าท่านอายุเท่าไหร่แล้ว ใบหน้าท่านยังดูเยาว์วัยดังเช่นวันแรกที่ข้าเจอท่านไม่ผิด ท่านดูไม่แก่ลงเลยสักนิด เหมือนกับท่านผู้เฒ่า เพียงแต่ท่านผู้เฒ่ามีผมสีขาวดั่งคนแก่เท่านั้น ส่วนท่าน...ไม่มีอะไรบ่งบอกถึงอายุของท่านได้เลย”
                เกวลมองศิษย์รักแล้วจิบสุราก่อนจะแถลงไขความอยากรู้ของนาง
                “อายุของข้า ข้าก็เลือน ๆ ไปแล้วเหมือนกันว่าตนอายุเท่าไร ส่วนใบหน้าที่ยังคงความหนุ่มไม่แก่เช่นนี้ ก็เป็นเพราะอำนาจเวทย์ ผู้ใดที่มีอำนาจเวทย์แก่กล้าพอ คนผู้นั้นจะไม่แก่ไปตามอายุ และมีชีวิตที่ยืนยาวกว่าคนทั่วไปเสียอีก”
                “ถ้าเช่นนั้น ก็แสดงว่าอาจารย์เก่งกว่าท่านพ่อข้าจริง ๆ น่ะสิ”
                “เจ้าเพิ่งรู้รึ” เกวลถอนหายใจกับความคิดของลูกศิษย์ตัวดี ที่ชอบเอาเขาไปเปรียบเทียบกับพ่อของตนอยู่เสมอ ทั้ง ๆ ที่พ่อของนางไม่สามารถเทียบกับเขาได้เลย
                “แล้วท่านก็เก่งกว่าท่านผู้เฒ่าด้วยน่ะสิ”
                “ผู้ปกครองอีสการ์ดย่อมต้องเก่งกล้าเป็นธรรมดา แต่ข้าก็เก่งกว่าเขาอยู่ดี” ได้ทีอดีตมหาจอมเวทย์ก็โอ้อวดความเก่งกาจของตนต่อหน้าลูกศิษย์
                “ถ้าเช่นนั้นก็เป็นไปได้ที่อาจารย์จะอายุมากกว่าท่านผู้เฒ่าน่ะสิ ข้าเคยได้ยินคนเขาพูดกันว่าท่านผู้เฒ่ามีอายุร้อยกว่าปีแล้ว อย่างนั้นก็แสดงว่าอาจารย์...” พูดยังไม่ทันจบ กบาลของเฟยาก็ได้รับรางวัลเป็นมะเหงกแรง ๆ เสียทีหนึ่ง “ท่านเขกหัวข้าทำไมล่ะอาจารย์ ข้าเจ็บนะ”
                “ก็ข้าอยากเขก ใครจะทำไม”
                “ใจร้าย” นางพูดเสียงอ่อย มือลูบหัวตรงจุดที่โดนเขก แต่ถึงนางจะเจ็บแต่ก็ไม่โกรธอาจารย์เลยสักนิด   เพราะนางรู้ว่าอาจารย์ไม่ได้ลงโทษนางจริงจัง แค่หยอกเล่นแรง ๆ ก็เท่านั้น และคนที่ทำกับนางอย่างนี้มีเพียงอาจารย์คนเดียว ท่านพ่อท่านแม่ไม่เคยจะหยอกนางเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะเบาหรือแรง
                คนที่นางสนิทด้วยที่สุดตอนนี้ก็มีเพียงอาจารย์เท่านั้น ท่านเป็นทั้งอาจารย์และครอบครัวของนางเลยทีเดียว และนางก็รู้ว่าคนที่รักนางที่สุดก็คืออาจารย์
                ท่านรักนางยิ่งกว่าคนในครอบครัวจริง ๆ ของนางเสียอีก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น