ระยะเวลาเกือบเดือนแล้วที่เขาไม่ได้อยู่ประเทศไทย
จากกำหนดการแรกที่ต้องตรวจงานสาขานิวยอร์กเป็นเวลา 1 สัปดาห์
กลับขยายเวลาออกไปเรื่อยๆ กว่าเขาจะสะสางงานให้เสร็จก่อนกลับได้
ก็ใช้เวลานานทีเดียว
ทันทีที่เครื่องลงจอดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ราเมศร็ก็โทรหาเมธาวีคนแรก
"วี
เมศร์กลับมาแล้วนะ เมศร์อยากเจอวีจัง"
"เมศร์กลับมาแล้วเหรอ
ดีจัง วีก็อยากเจอเมศร์ แต่เป็นพรุ่งนี้ดีกว่านะเมศร์" เมธาวีตอบทั้งน้ำเสียงงัวเงีย
"ตอนนี้มันตี 2 แล้วเมศร์ เมศร์เดินทางมาเหนื่อยๆ
กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ แล้วพรุ่งนี้เราค่อยเจอกัน" ถึงเธอจะคิดถึงเขามาก
แต่ตอนนี้เธอง่วงเต็มทนแล้ว และแน่นอนว่าความง่วงของเธอชนะ
"อ้าวตี 2 หรอกเหรอ ได้ เจอกันพรุ่งนี้นะวี"
พอมาถึงเขาก็คิดแต่จะติดต่อเมธาวีฝ่ายเดียว จนลืมดูเวลา
ในเช้าวันรุ่งขึ้นเมธาวีตื่นนอนด้วยความสดชื่น
ถ้าเธอไม่ได้ฝันไป ก็แสดงว่าราเมศร์กลับมาแล้ว เธอจึงรีบลุกไปอาบน้ำ ทว่าจู่ๆ กลับรู้สึกหน้ามืด
จึงทำให้ต้องล้มตัวลงบนที่นอน เมธาวีคิดว่าเพราะเธอรีบลุกเร็วเกินไป
คราวนี้เธอจึงลุกจากที่นอนช้าๆ แต่ไม่ทันไรเธอก็รู้สึกอยากผะอืดผะอมอยากอาเจียน
จึงรีบวิ่งเข้าห้องน้ำทันที
“เป็นบ้าอะไรเนี่ย”
เมธาวีสบถออกมาอย่างรำคาญตัวเอง
แต่เมื่อเธอแน่ใจว่ารู้สึกดีขึ้นแล้วจึงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทำงานตามปกติ
พอถึงที่ทำงานเมธาวีก็รู้สึกว่ากำลังเข้าสู่สมรภูมิกลิ่น
พอผ่านใครต่อใคร เธอก็บ่นอุบอยู่ในใจคนเดียว
'ฉุนชะมัด
ใส่น้ำหอมเยอะเกินไปรึเปล่าเนี่ย'
'เหม็นจะตาย ฉีดมาได้ไง'
'ตอนเช้าอาบน้ำมารึเปล่าเนี่ย
เหม็นเหงื่อชะมัด'
และอีกสารพัดสารพันคำบ่นที่ไม่สามารถพูดออกมาได้
ทำให้เธอหงุดหงิดแต่เช้า
ทั้งวันเมธาวีรู้สึกว่าเธอไม่มีสมาธิกับการทำงานเลย
เป็นครั้งแรกที่นึกอยากให้ถึงเวลาเลิกงานไวๆ
ห้องที่มีแต่ผู้ชายทำให้เธอได้กลิ่นเหงื่อจากพวกเขาแรงมากจนต้องหาหน้ากากอนามัยมาคาดปิดจมูก
“เป็นอะไรวี ไม่สบายเหรอ” เพื่อร่วมงานคนหนึ่งทัก
“น่าจะใช่”
“ไหวรึเปล่าล่ะ
ถ้าไม่ไหวก็ไปขอหัวหน้ากลับก่อนก็ได้”
เมธาวีโบกมือว่าเธอไม่เป็นอะไร
“อีกแค่ชั่วโมงเดียวก็จะเลิกงานแล้ว จะลาทำไมล่ะ”
ลาแค่ชั่วโมงเดียวเพื่อให้เสียวันลาครึ่งวันเหรอ ...ใครจะบ้าทำล่ะ ไม่คุ้มสักหน่อย
เพื่อนร่วมงานเมธาวีหันไปดูนาฬิกาติดผนังก็เห็นว่าอีกแป๊บเดียวก็จะได้เวลาเลิกงานอย่างที่หญิงสาวบอกจริงๆ
“จริงด้วยว่ะ”
ใกล้เวลาเลิกงานราเมศร์ได้โทรนัดเมธาวี
"วี
เลิกงานแล้วเจอกันที่เดิมนะ"
"โอเคค่ะ
อย่าลืมเอาช็อคโกแลตของวีมาด้วยนะ"
"งก"
แม้จะเป็นเพียงคำสนทนาสั้นๆ
แต่มันกลับทำให้เมธาวีที่อารมณ์ไม่สู้ดีตั้งแต่เช้ารู้สึกดีขึ้นในทันที
เมธาวีเดินทางไปหาราเมศร์ที่บ้านสวน
ร้านอาหารประจำที่พวกเขามักจะนัดพบกัน แล้วเธอก็เห็นราเมศร์รอเธออยู่เหมือนเช่นเคย
"เมศร์
รอวีนานไหม"
"ไม่หรอก
เมศร์เพิ่งมาถึงไม่นานนี่เอง เอ้านี่ของฝาก" เขายื่นกล่องช็อคโกแลตอะลูมิเนียมที่ดูหรูหราให้เช่นเคย
ขณะที่เมธาวีกำลังยื่นมือมารับกล่อง ราเมศร์กลับชักกล่องกลับและดึงเมธาวีให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขาแทน
"เมศร์ ทำอะไรน่ะ"
เมธาวีพยายามขืนตัวแต่ก็ไม่ได้จริงจังนัก
"เมศร์คิดถึงวีจะแย่อยู่แล้ว
ขอเมศร์กอดวีให้หายคิดถึงก่อนนะ" ราเมศร์กระชับแขนให้แน่นขึ้น
ทำให้เมธาวีหมดสิทธิ์ที่จะดิ้นรน
"แต่นี่มันที่สาธารณะ
ไม่อายคนอื่นบ้างเหรอ"
"ไม่เห็นมีใครเลย
มีแต่เราสองคน ถึงเห็นก็ช่างเขาสิ วีสนด้วยเหรอ"
ก็...ไม่สนหรอก
เมธาวียอมปล่อยให้ราเมศร์กอดตนอยู่นาน
เพราะถ้าทำท่าจะต่อต้าน เขาคงไม่ปล่อยเธอง่ายๆ แน่ แต่ใช่ว่าเธอจะไม่ชอบ
เธอชอบที่จะถูกเขาโอบกอด มันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย
และรู้สึกใกล้ชิดเขายิ่งขึ้น
ราเมศร์คลายอ้อมกอดออกอย่างเสียดาย
เขาเห็นเมธาวีทำหน้าเขินอาย แล้วรู้สึกว่าเธอน่ารักจริงๆ ราเมศร์ยื่นกล่องช็อคโกแลตให้เมธาวี
คราวนี้เธอรีบดึงมันออกจากมือของเขาอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าเขาจะมีลูกเล่นต่อ
"เมศร์ไม่แกล้งวีแล้ว"
เห็นเธอเหมือนเด็กกลัวถูกแย่งของ ราเมศร์หัวเราะชอบใจ
"เชอะ"
เมธาวีทำท่าไม่สนใจ แล้วหันไปง่วนอยู่กับการแกะกล่องช๊อคโกแลต และหยิบช็อคโกแลตเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
ชายหนุ่มเห็นแล้วก็มีความสุขตามไปด้วย
"เมศร์หิวแล้วสั่งอาหารเถอะ"
แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับจากหญิงสาวตรงหน้า เธอกำลังหยิบช็อคโกแลตขึ้นมากินอย่างเพลิดเพลินจนไม่สนใจเสียงทักท้วงจากเขา
"แม่คุณ จะกินช็อคโกแลตแทนข้าวรึไงกัน"
"อืมๆ"
เมธาวีพยักหน้าทั้งที่ในปากเต็มไปด้วยช็อคโกแลต จนราเมศร์ต้องยึดกล่องช็อคโกแลตจากเมธาวีคืน
"กินข้าว
เมศร์หิวจะแย่แล้ว ส่วนช็อคโกแลตเมศร์จะเก็บไว้ก่อน"
"เมศร์น่ะ" ฮึ่ย! กำลังอร่อยเชียว
พออาหารที่สั่งมาวางตรงหน้า
ความอยากอาหารของเมธาวีกลับลดลงทันที เธอรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน
เหมือนจะประท้วงว่าไม่กินๆ ไล่ดูอาหารแต่ละอย่างแล้วก็มาหยุดตรงหม้อไฟตรงหน้า
"อ๊ะ!...ต้มยำ ค่อยยังชั่ว" เมธาวีตักน้ำต้มยำใส่ถ้วยของตนแล้วลงมือซดน้ำต้มยำสีสันจัดจ้าน
ทว่า...น้ำต้มยำที่มีดีแค่สีแต่กลับไม่มีรสเปรี้ยวเลยสักนิด
แถมยังรู้สึกว่ามันหวานมากอีกต่างหาก
เมธาวียังแตะอาหารอย่างอื่นอย่างละนิดอย่างละหน่อยเท่านั้นพอเป็นพิธี
แต่ไม่ว่าจะกินอะไรเธอก็แทบไม่รู้รสชาติของอาหารเลยสักนิด
เมื่อคิดว่าทานต่อไปไม่ไหวเธอก็จัดการรวบช้อนส้อมให้เรียบร้อย
"วีอิ่มแล้วเหรอ
ทานน้อยจัง"
"เพราะอากาศร้อนมั้ง
วีเลยไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไหร่ วีว่าวีสั่งไอติมดีกว่า" เมธาวีหันไปสั่งไอศกรีมกับบริกร
"นี่วีจะไม่ช่วยเมศร์กินเหรอ
อาหารเต็มโต๊ะขนาดนี้"
เมธาวีส่ายหัว
"วีรู้ว่าเมศร์สามารถ เดี๋ยวก็หมดเชื่อวีสิ"
นี่ใจคอแม่คุณจะให้เขากินคนเดียวจริงๆ
เหรอเนี่ย
พอไอศกรีมที่เมธาวีสั่งมาวางไว้ตรงหน้า
หล่อนก็สนใจแต่ไอศกรีมโดยปล่อยให้ราเมศร์จัดการอาหารตรงหน้าเพียงลำพัง
"กินไอติมไม่สนใจเมศร์เลย
อย่างนี้มันน่างอนไหมนี่"
เมธาวีทำได้แต่ส่งยิ้มให้ราเมศร์
มือก็ตักไอติมเข้าปากไม่มีหยุด ราเมศร์เห็นแล้วก็อดยิ้มกับท่าทางแบบเด็กๆ ของเธอไม่ได้
'ให้มันได้อย่างนี้สิ
ยังไงเขาก็งอนเธอไม่ลงจริงๆ'
หลังทานอาหารเสร็จและจ่ายเงินเรียบร้อย
ราเมศร์อาสาพาเมธาวีส่งบ้าน แต่เธอกลับปฏิเสธไม่ยอมให้เขาไปส่งบ้านเช่นเคย
"เมศร์เห็นนะว่าวันนี้วีนั่งแท็กซี่มา
ทำไมวีไม่ให้เมศร์ไปส่งล่ะ เมศร์อยากไปส่งวีบ้างนะ เมศร์ก็อยากรู้จักบ้านวีบ้าง
ตั้งแต่คบกันมาเมศร์ยังไม่รู้เลยว่าบ้านวีอยู่ไหน...
หรือว่าวีมีอะไรปิดบังเมศร์งั้นเหรอ"
"วีไม่มีอะไรปิดบังเมศร์ทั้งนั้นแหละ
แต่วียังไม่พร้อม เมศร์ต่างหากล่ะที่ปิดบังอะไรวีไว้"
เมธาวีพยายามเปลี่ยนเรื่อง
"วีเพิ่งรู้นะ
ว่าตอนนี้วีกำลังคบอยู่กับท่านประธาน" เมธาวีทำเสียงเข้ม เหมือนจะหาเรื่อง
"..." อ้าว!
รู้แล้วหรอกเหรอ ช้ากว่าที่เขาคิดไว้อีกนะเนี่ย
"แสดงว่าจริงใช่ไหม
ทำไมเมศร์ไม่บอกวีสักคำ วีเหมือนคนโง่เลย"
"วีสนใจด้วยเหรอ"
ราเมศร์ลองหยั่งเชิงดู
"สนสิ
จะไม่ให้วีสนได้ไง ในเมื่อ...ในเมื่อเมศร์เป็นเจ้านายวี
เป็นถึงประธานบริษัทเชียวนะ คิดดูสิวีทำงานที่นั่นก็ตั้งหลายเดือนแล้ว
แต่ดันไม่รู้จักเจ้าของบริษัท รู้ถึงไหนอายเขาถึงนั่น
แล้วถ้าคนอื่นรู้ว่าเมศร์คบกับวีล่ะก็... ไม่อยากจะคิด"
"ทำไม"
เขาไม่เข้าใจที่เธอพูดเลย
"เมศร์ไม่รู้
หรือว่าแกล้งทำเป็นไม่รู้เนี่ยว่า... ตัวเองเป็นเป้าสายตาขนาดไหน"
ไม่อยากจะพูดเล้ย เหมือนกับชมว่าแฟนตัวเองเสน่ห์แรงงั้นแหละ
หลังจากที่เธอรู้ว่าเมศร์เป็นประธานบริษัท
เธอก็คอยเลียบๆ เคียงๆ ถามสาวในออฟฟิศเรื่องของราเมศร์ ส่วนใหญ่ก็ทำท่าละเมอเพ้อพก
อย่างกับว่าเขาเป็นเจ้าชายในฝันอย่างนั้นแหละ
ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะผู้ชายสำเร็จรูปอย่างราเมศร์มักจะเป็นที่หมายตาของหญิงสาวอยู่แล้ว
...เธอก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
"แล้วไงล่ะ”
"แล้วไงล่ะ?
โธ่ เมศร์ ก็ถ้าคนอื่นรู้ว่าเราคบกัน
เมศร์จะไม่โดนมองว่าเป็นสมภารหรอกเหรอ ที่สำคัญ วีคงโดนสาวๆ ในบริษัทแหกอกเอาหรอก
โทษฐานไปยั่วยวนท่านประธานจนได้มา"
"แล้วถ้าเมศร์ไม่ใช่ประธานบริษัทล่ะ
วีจะสนอยู่ไหม" น้ำเสียงของราเมศร์จริงจัง จนเมธาวีรู้สึกว่าเขากำลังกังวล
"เมศร์กังวลเรื่องนี้เหรอ"
เมธาวียื่นมือไปจับมือของราเมศร์มากุมไว้ "เมศร์จะเป็นใครวีก็สนทั้งนั้นแหล่ะ
ก็เมศร์เป็นแฟนวีนี่นา ถ้าเป็นคนอื่นวีจะสนทำไม แล้วที่สำคัญถ้าวีคิดจะคบกับใคร
วีคบด้วยใจ เพราะวีไม่มีอะไรจะให้อีกฝ่าย
แล้ววีก็ไม่ต้องการอะไรจากอีกฝ่ายเหมือนกัน ความจริงใจเท่านั้นแหละ
ที่วีต้องการ"
เขาไม่รู้ว่าคำพูดของเมธาวีเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน
แต่ระยะเวลาที่คบกันมาเขาก็ไม่เคยเห็นว่าเธอจะเรียกร้องอะไรจากเขา (ยกเว้นช็อคโกแลต)
แต่นั่นมันก็ก่อนที่เธอจะรู้ความจริง แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเขามีฐานะ
มีทรัพย์สมบัติพอที่จะทำให้เธออยู่ได้อย่างสุขสบาย ถ้าเขาลงเอยกับเธอ
เขาไม่อยากจะคิดว่าเธอเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เขาคบมา แต่ใจนางยากแท้หยั่งถึง
เธออาจจะเปลี่ยนไปเข้าสักวันก็ได้
หลังจากวันที่ราเมศร์นัดเมธาวีเมื่อตอนที่กลับจากนิวยอร์ก
เธอและเขาแทบไม่ได้เจอกันเลย ราเมศร์มีงานยุ่งแทบจะตลอดเวลา
ส่วนตัวเธอเองนอกจากงานประจำที่ทำอยู่แล้ว เธอยังตัองวิ่งรอบกับบริษัทส่งออกของตกแต่งบ้านที่เป็นของเธอและอัครพลอีกด้วย
จะว่าไปแล้ว เธอเจออัครพลบ่อยยิ่งกว่าเจอราเมศร์เสียอีก และการทำงานหนักในทุกๆ
วันโดยไม่มีวันหยุดพักผ่อนอย่างนี้ มันทำให้เธอเหนื่อย และอ่อนเพลียขึ้นเรื่อยๆ
แถมอาการหน้ามืดและอาเจียนก็ยังไม่หายสักที ซ้ำจะหนักขึ้นกว่าเดิม
ยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอกว่าปกติหลายเท่านัก
"วี แกซูบไปนะ
นี่แกไม่สบายตรงไหนรึเปล่า" อัครพลมองท่าทางอ่อนเปลี้ยของเพื่อนสาวก็รู้สึกเป็นห่วง
เพราะปกติเพื่อนเขาเวลาไม่สบายมักจะไม่เอ่ยปาก
ต้องรอให้อาการหนักเสียก่อนถึงจะไปหาหมอ และนี่เธอก็ดูอ่อนล้ามาก
"จริงเหรอแก
ตายแล้ว นี่ฉันโทรมมากรึเปล่าเนี่ย" เมธาวีเอามือทาบกับใบหน้า
รู้สึกเนื้อตรงแก้มจะหายไปจริงๆ "สงสัยเพราะช่วงนี้มันเหนื่อยๆ น่ะแก
แถมอากาศก็ร้อนอีก ฉันเลยกินอะไรไม่ค่อยจะลง เฮ้อ!"
"ฉันก็นึกว่าแกถ่ายไม่ออก
เมนส์ไม่มา นอนไม่หลับซะอีก หรือว่า..." อัครพลเว้นช่วงไปเหมือนจะนึกอะไรออก
"หรือว่าลงแดง ไม่ได้กินเหล้าไม่เท่าไหร่
ถึงกับขนาดลงแดงเชียวเหรอ" แซวเสร็จก็หัวเราะขึ้นมาคนเดียว
"จะบ้าเหรอแก"
แต่...คำพูดของอัครพลทำให้เมธาวีชะงัก 'เมนส์ไม่มางั้นเหรอ?'
"พล ฉันกลับก่อนนะ
นึกได้ว่ามีธุระ"
จะว่าไปประจำเดือนเธอก็ยังไม่มานี่นา
นี่มันก็ช้ากว่ากำหนดมาหลายอาทิตย์แล้ว
เมธาวีจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เธอนั่งนับวันที่ประจำเดือนเธอควรจะมา
ปกติการที่ประจำเดือนมาช้ากว่ากำหนดถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอ
แต่นี่มันช้าเกินไป เธอนั่งนับนิ้วมือ ใช้ปากกาจดลงบนกระดาษ นับวันในปฏิทิน
แต่ผลที่ออกมาก็เหมือนเดิม
20 กว่าวันแล้ว
"คงไม่หรอกมั้ง...
แค่ครั้งเดียวเอง"
เมธาวีพยายามบอกกับตัวเองว่าไม่มีอะไร...ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เธอพยายามคิดหาเหตุผลต่างๆ นานามาค้านว่าเธอไม่ได้ท้อง แต่ยิ่งหาเหตุผลเท่าไหร่มันกลับยิ่งทำให้เธอกลัวยิ่งขึ้น
เมธาวีตัดสินใจซื้อที่ตรวจครรภ์จากร้านขายยาที่ค่อนข้างไกลจากบ้าน
แล้วรีบตรงกลับบ้านทันที
เธอเข้าห้องแล้วล็อคประตูให้เรียบร้อยก่อนจะดึงกล่องทดสอบการตั้งครรภ์ออกมาจากกระเป๋า
แล้วอ่านวิธีใช้อย่างละเอียด
"ถ้าใช้ตอนตื่นนอนตอนเช้าจะได้ผลที่แน่นอนกว่าเหรอ
งั้นทดสอบพรุ่งนี้เช้าแล้วกัน"
เธออยากได้ผลตรวจที่แน่นอนที่สุดจึงตัดสินใจที่จะทำตามความแนะนำบนกล่อง
เมธาวีนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน
เธอไม่สามารถข่มตาลงได้เลย ในสมองมีแต่ความสับสน กระวนกระวาย และความกลัว
เธอกลัว
กลัวว่าเธอจะท้อง
ถ้าเธอท้อง เธอจะทำยังไงดี
แต่บางทีเธออาจไม่ได้ท้อง
เธออาจจะคิดมากไปเอง ช่วงนี้งานเธอเยอะขึ้น ความเครียดทำให้รอบเดือนเธอมาช้ากว่าปกติ
แต่นี่...มันก็เลื่อนมาหลายวันเกินไป
แล้วราเมศร์ล่ะ...
ถ้าเธอท้องขึ้นมาจริงๆ เขาจะคิดยังไง
เธอปฏิเสธความคิดที่นั้น
แค่ครั้งเดียว เธอจะท้องได้ยัง ไม่มีทางหรอก
เป็นไปไม่ได้
เป็นไปไม่ได้
ความคิดของเมธาวีตีกันจนวุ่นวาย
กว่าเธอจะหลับลงได้ก็เกือบรุ่งสาง แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นในตอนเช้า
"เช้าแล้ว"
เมธาวีบอกกับตัวเอง เธอรีบเข้าห้องน้ำแล้วใช้ตัวทดสอบการตั้งครรภ์ทันที
ระหว่างที่รอผลการทดสอบอยู่
เธอก็หยิบกล่องมันขึ้นมาอ่าน เธออ่านจนขึ้นใจ "หนึ่งขีดปกติ สองขีดท้อง"
เธอรอด้วยจิตใจที่กระวนกระวายเดินไปเดินมาไม่หยุด
เธอหยิบกล่องขึ้นมาอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูนาฬิกาที่เดินไปอย่างเชื่องช้า แต่กลับไม่ยอมเดินไปดูตัวทดสอบเลยแม้แต่น้อย
เมื่อได้เวลาเธอก็เดินไปดูตัวทดสอบพร้อมกับถือกล่องของมันไว้ในมือ
"สองขีด
ท...ท้องเหรอ ไม่ๆ สงสัยจะจำผิด จำผิดแน่ๆ"
เมธาวีรีบเอากล่องขึ้นมาดูแล้วอ่านซ้ำไปซ้ำมา
"ท้อง... ไม่หรอก
จะเอาแน่อะไรกับตัวทดสอบอันละไม่กี่ร้อยล่ะ"
เมธาวีพยายามหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง
"ไปหาหมอเลยดีกว่า"
เพื่อความแน่นอน เธอคิดว่าไปให้หมอตรวจจะดีกว่า เมธาวีกวาดอุปกรณ์
ตัวทดสอบทุกอย่างลงถังขยะ แล้วรีบอาบน้ำไปโรงพยาบาลทันที
"เย็นนี้เมศร์ว่างรึเปล่า
เมศร์ออกมาเจอวีหน่อยได้ไหม"
"ตอนบ่ายเมศร์มีประชุม
ไม่รู้ว่าจะติดพันไปจนถึงเย็นเลยรึเปล่า"
"ไม่เป็นไร
วีรอได้ งั้นเราเจอกันที่เดิมนะ" เมธาวีรีบตัดสายทิ้ง ก่อนที่เธอจะยั้งอารมณ์ของตนเองไม่อยู่
มือทั้งสองข้างของเธอกำลังสั่นจนเมธาวีต้องกุมมือตนเองไว้ให้แน่น
แต่มันกลับไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นเลยและไม่ได้ช่วยให้รู้สึกว่าสั่นน้อยลง ลมหายใจก็ถูกพ่นออกมาอย่างแรงครั้งแล้วครั้งเล่า
เหมือนกำลังระบายความเครียดขึงในใจออกไป
ผลการตรวจจากโรงพยาบาล
ไม่ต่างอะไรกับใช้ตัวทดสอบการตั้งครรภ์ที่ซื้อจากร้านขายยาเลย
ทันทีที่รู้ผลแน่ชัดเธอก็รีบโทรหาราเมศร์ทันที เธอคิดว่าอย่างน้อยราเมศร์ควรจะรู้เรื่องนี้ เธอเชื่อว่าถ้าเขารู้ว่าเธอท้อง เขาจะต้องรับผิดชอบ
"รับผิดชอบ...รับผิดชอบงั้นเหรอ"
ถ้าราเมศร์ต้องรับผิดชอบเธอเพราะเธอท้อง เธอจะรับได้ไหม
เมธาวีกระหวัดคิดถึงแม่ผู้อาภัพ
แม่... คนที่อยู่กับผู้ชายที่ตัวเองรัก
แต่ผู้ชายคนนั้นไม่ได้มีความรักให้เลย ถึงจะให้เกียรติ แต่มันจะมีความหมายอะไรล่ะ
ไม่ ไม่มีเลย และเธอก็ไม่อยากเป็นเหมือนแม่ ไม่อยากทุกข์เหมือนท่าน
ตลอดเวลาที่ผ่านมา
ราเมศร์ไม่เคยบอกว่ารักเธอเลยสักครั้ง เธอก็เช่นกันไม่เคยบอกว่ารักเขาเลยถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะรักเขาจนหมดหัวใจแล้วก็ตาม
เมธาวีคิดว่าการกระทำย่อมสำคัญกว่าคำพูดเสมอ
เพราการกระทำสัมผัสได้จริงไม่เหมือนลมปากที่อยากจะพูดอะไรออกมาก็ได้
เธอจึงแสดงความรักที่มีต่อเขาด้วยการกระทำที่จริงใจ
มากกว่าคำพูดหวานหูที่ไม่ใช่ตัวตนของเธอ
แต่เธอจะแน่ใจได้อย่างไรว่าตอนนี้เขารักเธอเหมือนที่เธอรักเขา
การที่ราเมศร์คอยเป็นห่วงเป็นใยเธอ
เอาใจใส่เธอ มันทำให้เธอรู้สึกว่าเธอยังมีความหวัง เธอหวังว่าเขาจะรักเธอจริงๆ
ราเมศร์มาถึงก็เห็นเมธาวีนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
เขาเดินเข้าไปใกล้ แต่เธอก็ไม่มีวี่แววว่าจะรู้สึกตัวว่าเขามา เขาเรียกเธอ
เธอก็ไม่ได้ยิน เขาจึงเรียกเมธาวีเสียงดังขึ้นอีก
"วี... วี
ใจลอยอะไรอยู่ เมศร์มาถึงตั้งนานวี ยังไม่รู้อีก"
"โทษที
วีคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปหน่อย เมศร์เหนื่อยไหม"
"ก็นิดหน่อย
แต่ไม่มากหรอก แล้ววีเป็นอะไรรึเปล่า ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย ไม่สบายรึเปล่า" เธอดูอ่อนล้าจนเขารู้สึกเป็นห่วง
"เปล่าหรอก"
เมธาวีพยายามทำน้ำเสียงให้สดชื่นขึ้น "วีคิดถึงเมศร์ ไม่เจอตั้งหลายวัน
แล้วเมศร์ไม่คิดถึงวีบ้างเหรอ"
ราเมศร์กุมมือของเมธาวีไว้
"คิดถึงสิ เมศร์คิดถึงวีอยู่ตลอดเวลา"
"แล้วเมศร์คิดยังไงกับวี
เมศร์ชอบวีรึเปล่า" ราเมศร์มองแฟนสาวที่วันนี้ดูเครียดขึง รู้สึกว่าวันนี้เธอดูแปลกไปจากเดิม
"เมศร์ชอบวีอยู่แล้ว
ชอบมากด้วย"
"แล้วเมศร์รักวีบ้างรึเปล่า"
ตอนนี้หัวใจเมธาวีกำลังเต้นแรง กับทุกๆ วินาทีที่ผ่านไปกับการรอคำตอบจากคนตรงหน้า
"ตอนนี้เมศร์ตอบไม่ได้
เมศร์ตอบได้แค่ว่าเมศร์ชอบวีมาก วีเป็นผู้หญิงคนพิเศษของเมศร์"
"พิเศษขนาดไหน...
ถึงขึ้นอยากใช้ชีวิตร่วมกัน แต่งงานกันได้รึเปล่า"
เมธาวีเผลอหลุดปากพูดเรื่องแต่งงานออกไป
แม้แต่ตัวเธอเองเธอยังตกใจเลยว่าเธอทำอะไรลงไป เหมือนขอเขาแต่งงานชัดๆ
"วีหมายความว่าไง"
"เปล่าหรอก พอดี
วีแค่...เอ่อ...จู่ๆ วีคิดว่าเราก็คบกันมาพักใหญ่แล้ว น่าจะคิดถึงเรื่องแต่งงานได้แล้ว"
"เมศร์ยังไม่พร้อม
เมศร์ยังไม่มีความคิดที่จะแต่งงานในเวลานี้" ทั้งสีหน้า
แววตาของราเมศร์เปลี่ยนไปทันที แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ชอบใจนักกับบทสนทนาคราวนี้
เมธาวีรู้ว่าราเมศร์กำลังโมโห
เธอก็อยากยุติเพียงเท่านี้ แต่เธอทำไม่ได้ เธอต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น
เพื่อที่เธอจะได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าชีวิตต่อไปนี้ของตัวเองควรจะทำอย่างไร
"เมศร์รักวีรึเปล่า"
ราเมศร์ไม่ยอมตอบ
แต่นั่นแหละ คือคำตอบที่เขาให้เธอมา
เธอผิดหวัง เธอเสียใจ จึงทำให้เธอพลั้งปากตะโกนใส่หน้าเขา
"เมศร์ไม่คิดจะรับผิดชอบในสิ่งที่ได้ทำกับวีไว้เลยใช่ไหม"
เมื่อรู้ตัวว่าตนเองพูดอะไรบ้าๆ ออกไป เธอก็รีบละล่ำละลักขอโทษ
"วีรักเมศร์นะ"
เธอแค่อยากบอกเขาว่าเธอรักเขาจริงๆ แต่มันส่งไปไม่ถึงเขาเลย เมื่อเขาคิดว่าคำบอกรักของเมธาวี
คือคำหลอกลวงที่พูดเพื่อต้องการผูกมัดเขาไว้
ความอดทนของราเมศร์ขาดผึง
เขาตะคอกใส่เมธาวีด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว
"รักเหรอ
อย่ามาพูดว่ารักหน่อยเลยเมธาวี คิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ ฉันบอกเธอไว้เลยนะ
ว่าเธอทำพลาดซะแล้ว ฉันเกือบหลงเชื่อเธออยู่แล้วว่าเธอจริงใจกับฉันจริงๆ ถ้าเธอรอ
ถ้าเธอใจเย็นกว่านี้ สักวันเธออาจจะได้ในสิ่งที่เธอต้องการ แต่เธอพลาด
เธอทำให้ฉันรู้ว่าผู้หญิงอย่างเธอ มันก็ไม่ต่างกับคนอื่น เห็นเงินเป็นไม่ได้
แล้วคิดจะใช้เรื่องในคืนนั้นมาผูกมัดฉันไว้เหรอ ไม่มีวันซะหรอก ผู้ชายอย่างราเมศร์
ไม่มีวันถูกผู้หญิงอย่างเธอผูกมัดหรอก"
ราเมศร์เดินจากไปโดนไม่หันหลังมาอีกเลย
เขาเข้าใจผิดคิดว่า พอเมธาวีรู้ว่าเขาร่ำรวย เธอก็จงใจคิดจะจับเขา
เหมือนผู้หญิงที่ผ่านๆ มาที่พอใจกับกับเงินของเขา
เสียแรงที่เขาคิดว่าเธอแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ
ที่แท้เธอนก็หลอกลวงเขา การกระทำของเธอครั้งนี้ มันทำให้เขาเกลียดเธอ
เขาเหมือนถูกทรยศ ถูกหักหลัง
ความไม่ไว้ใจใคร
ความระแวงในตัวของราเมศร์ที่มีต่อเมธาวี แม้เพียงน้อยนิด
ก็สามารผลักดันให้เขาเชื่อในสิ่งที่ตนเองคิด โดยไม่คิดย้อนกลับไปดูว่าการกระทำของเธอที่ผ่านมันแสดงออกถึงความรัก
ความจริงใจที่มีต่อเขาเพียงใด
"ฝนๆ
เดี๋ยวขึ้นไปทำความสะอาดข้างบน แล้วก็เก็บห้องให้พวกคุณๆ ด้วยนะ" นางศรีใจ
เรียกน้ำฝนหลานสาวให้ทำความสะอาดชั้น 2 ของบ้าน
"จ้าๆ
รู้แล้วป้า" น้ำฝนขนอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านขึ้นไปบนชั้น 2 และเลือกที่จะเข้าไปทำความสะอาดห้องเมธาวีเป็นห้องแรก
เพราะห้องเมธาวีเป็นห้องใหญ่ แต่ไม่ค่อยมีพวกเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งห้องมากมาย
ทำให้ห้องดูโล่งกว้าง และทำความสะอาดง่ายที่สุด
น้ำฝนเก็บถุงขยะออกมาจากห้องน้ำ
แล้วล้างทำความสะอาดห้องน้ำจนสะอาด ก่อนที่จะทำความสะอาดในส่วนของห้องนอน
"ห้องคุณวีเนี่ย
ไม่ค่อยน่ารักเหมือนห้องคุณลดาเลย ดูโล่งๆ พิลึก แต่ดีนะที่ทำความสะอาดง่าย
เบาแรงไปเยอะเลย" ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีน้ำฝนก็ทำความสะอาดห้องจนเสร็จแล้วก็รวบถุงขยะ
และขนอุปกรณ์ทำความสะอาดห้องออกไป ขณะกำลังเดินไปทางห้องของธีรวุฒิน้ำฝนไม่ทันสังเกตว่าอรวีกำลังออกมาจากห้อง
จึงทำให้เธอชนเข้ากับอรวีเข้าอย่างจัง
"ว้าาาย /
ว้าาย" เสียงของทั้งสองดังขึ้น
"ระวังหน่อยสิ
เดินดูตาม้าตาเรือบ้าง เกิดเดินแล้วชนข้าวของแตกเสียหาย
ฉันจะตัดเงินเดือนแกนังฝน" อรวีโวยวาย
"ขอโทษค่ะคุณผู้หญิง
ฝนไม่ได้ตั้งใจ" น้ำฝนทำเสียงเหมือนจะร้องไห้
"เออๆ ช่างเถอะ
ว่าแต่แกจะเข้าไปทำความสะอาดใช่มั้ย งั้นก็รีบๆ เข้าไปซะ"
"ค่ะๆ"
น้ำฝนรีบเก็บของที่หล่นกระจายเต็มพื้น
"เดี๋ยวนังฝน
หยุดๆ นั่นอะไรน่ะ" อรวีชี้ไปที่มือของน้ำฝน น้ำฝนชูของที่อยู่ในมือให้ดู
"ก็ขยะไงคะ"
"ก็ฉันถามว่าขยะที่อยู่ในมือแกน่ะ
อะไร เอามาจากไหน" อรวีพยายามคาดคั้น
"ฝนไม่รู้ค่ะ
แต่ว่าเมื่อกี้ฝนไปเก็บห้องคุณวี มาค่ะคุณผู้หญิง"
เธอจะไปรู้ได้ไงว่าได้ที่เธอถืออยู่เนี่ยมันแท่งอะไร มันไม่ใช่ของเธอซะหน่อย
อรวีคว้าของที่อยู่ในมือของน้ำฝนไปดู
'นี่มันที่ตรวจครรภ์'
"นังฝน
แกลองดูในถุงสิ ว่ามีกล่องอะไรบ้าง"
"หะ?"
"ฉันบอกให้หา
ก็หาสิ หรือว่าจะให้ฉันหาเองแล้วแกถูกตัดเงินเดือน"
“ค่ะๆ” น้ำฝนรีบรื้อถุงขยะ
ถ้าขืนไม่ทำตามเธอกลัวว่าอรวีจะเอาเงินเดือนเธอขึ้นมาขู่อีก
"อันนี้รึเปล่าคะ"
น้ำฝนยื่นกล่อง ซึ่งมีเพียงกล่องเดียวในถุงขยะให้อรวี อรวีคว้ามันขึ้นมาดู
"ใช่จริงๆ ด้วย"
เธอพึมพำกับตัวเอง "นังฝน ขยะถุงนี้เก็บมาจากห้องของนังวีใช่ไหม"
อรวีถามเพื่อความแน่ใจ
"ค่ะ
ฝนเพิ่งจะทำความสะอาดห้องคุณวีไปห้องเดียวเองค่ะ"
"ดี งั้นแกก็ไปทำงานต่อเถอะ"
อรวีเก็บที่ตรวจครรภ์
ขึ้นมาดูแล้วอ่านที่กล่อง เพื่อดูผลการทดสอบ
'ท้อง?
เมธาวีท้องงั้นเหรอ หึ สนุกแน่คราวนี้ แกไม่รอดแน่นังวี'
เมธาวีกลับถึงบ้านด้วยหัวใจที่ชอกช้ำ
ระหว่างทางน้ำตาเธอไหลไม่หยุด หัวใจเธอมันเจ็บปวดไปหมด
เธอไม่นึกเลยว่าเธอและเขาจะจบกันเร็วขนาดนี้
...จบแล้ว
ระหว่างเธอกับราเมศร์ มันจบลงแล้ว
ราเมศร์โกรธเธอ
หาว่าเธอเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงิน จะจับเขาเพราะเขาร่ำรวย แสดงว่าความรักที่เธอให้เขาไป
ความจริงใจที่เธอแสดงออกไป มันไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลยอย่างนั้นสิ เขาถึงได้สลัดเธอทิ้งง่ายๆ
อย่างนี้
เมธาวีเห็นธีรวุฒิและอรวีนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก
ตอนนี้เธอไม่อยากเจอใครทั้งนั้น เมธาวีจึงเลี่ยงที่จะเข้าไปทัก และเดินขึ้นห้องแทน
"วี
มาคุยกันหน่อย" ธีรวุฒิเรียกลูกสาวเสียงเครียด ก่อนที่เมธาวีจะเดินขึ้นชั้นบน
เมธาวีเดินเข้ามาหาธีรวุฒิ
โดยมีอรวีนั่งอยู่ข้างๆ
"วีมีอะไรจะบอกพ่อรึเปล่า"
"ไม่มีค่ะ"
เมธาวีตอบออกไปทันที ตอนนี้เธอล้าเหลือเกิน อยากขึ้นห้อง อยากพักผ่อน
เธอไม่อยากรับรู้ แล้วก็ไม่อยากตอบอะไรใครทั้งสิ้น
"ก็ได้
งั้นพ่อจะถามวีเอง วีรู้ไหม ว่านี่มันคืออะไร"
ธีรวุฒิโยนที่ตรวจครรภ์ลงบนพื้น เบื้องหน้าเมธาวี
"บอกพ่อมาสิ
ว่ามันคืออะไร แล้วมันไปอยู่ในห้องวีได้ยังไง" ธีรวุฒิตะคอกใส่หน้าเมธาวี
"คุณคะ ใจเย็นๆ
ก่อนค่ะ มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้"
อรวีเข้าไปเตือนที่ธีรวุฒิที่กำลังกราดเกรี้ยว
"เงียบทำไม บอกพ่อมาสิ"
"วีไม่มีอะไรจะพูด"
"ไม่มีอะไรจะพูด อย่างนั้นก็แสดงว่าแกท้องจริงๆ
ฉันอุตส่าห์ไว้ใจแก ไม่ว่าแกจะไปสำมะเลเทเมาที่ไหน ฉันก็ไม่เคยต่อว่าแกสักคำ
ฉันเชื่อว่าแกจะไม่ทำเรื่องเสื่อมเสียเด็ดขาด แต่นี่...นี่แก...แกทำอะไรลงไป"
ใจที่กำลังชอกช้ำกลับถูกราดด้วยน้ำกรดจากน้ำมือผู้เป็นพ่อ
วันนี้เธอรู้แล้วว่าคนที่เธอรักจริงๆ แล้วพวกเขาไม่ได้รักเธอเลย
"พ่อเชื่อในตัววีงั้นเหรอ
เหอะ พ่อไม่เคยจะสนใจวีมากกว่า ว่าวีจะทำอะไร อยู่ที่ไหน
ใช่...ที่พ่อไม่เคยต่อว่าวี แต่พ่อก็ไม่เคยถามวีสักคำว่าวีจะไปไหน
ทำอะไรกับใคร"
เพียะ!!!
ธีรวุฒิฟาดฝ่ามือลงบนแก้มของเมธาวีจนเกิดเป็นรอยแดงขึ้นมา
"พ่อตบวี.."
"ไม่ต้องมาเถียงฉัน
บอกฉันมาแกท้องกับใคร"
"...." เมธาวียังไม่ยอมปริปาก
เธอจะบอกได้อย่างไร ในเมื่อ เรื่องระหว่างเธอกับเขามันจบลงแล้ว
แต่ความเงียบของเมธาวีกลับทำให้เปลวไฟในตัวธีรวุฒิโหมแรงขึ้นไปอีก
"แกจะเงียบทำไม
แกบอกฉันมา ว่าแกไปท้องกับใคร"
ธีรวุฒิพยายามคาดคั้นจะเอาคำตอบจากปากเมธาวีให้ได้ เมื่อเมธาวีไม่พูด
เขาก็จะตีเมธาวีเรื่อยๆ จนกว่าเธอจะบอก
ธีรวุฒิตีเมธาวีไม่ยั้ง
แต่เมธาวีก็ยังไม่ยอมบอก
อรวียืนมองเมธาวีอย่างสะใจอยู่นาน
ก่อนจะเดินเข้าไปห้ามธีรวุฒิ
“คุณคะ พอเถอะค่ะ
บางทีหนูวี แกอาจจะไม่รู้ก็ได้นะคะ" อรวีพยายามสาดน้ำมันลงบนกองไฟ
ให้เมธาวีได้รับความเจ็บปวดที่สุด
คำพูดของอรวีทำให้เมธาวีต้องหันไปมองหน้า
'นังจิ้งจอก
พูดบ้าอะไรออกมาน่ะ'
"วี แกบอกพ่อมาสิ
ว่าแกท้องกับใคร หรือว่า..." ธีรวุฒิพูดไม่ออก
นี่ลูกสาวเขาเหลวแหลกขนาดนี้เชียวหรือ เขาตีเมธาวีไม่ยั้ง หวังว่าเธอจะปริปากบอก
แต่ก็เปล่าเลย เมธาวีไม่ยอมเอ่ยออกมาแม้แต่น้อย
เมธาวีรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน
เจ็บปวดทั้งร่างกาย เจ็บปวดทั้งหัวใจ
เธออยากจะหนีจากความจริงอันแสนโหดร้ายนี้เหลือเกิน
ถึงแม้ว่านางศรีใจ
และคนอื่นๆ ภายในบ้านจะเป็นห่วงเมธาวีขนาดไหน
แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามธีรวุฒิที่กำลังโกรธเกรี้ยวอยู่ในขณะนี้
ได้แต่มองดูเมธาวีด้วยความเป็นห่วง มีเพียงอรวีที่ยืนดูอยู่ใกล้ๆ ด้วยความสะใจ
อรวีรู้สึกยินดีเหลือเกินกับชะตากรรมของเมธาวี...เธอเกลียดผู้หญิงคนนี้
เหนือสิ่งอื่นใดเธอเกลียดแม่ของเมธาวีที่สุด ผู้หญิงที่เคยแย่งธีรวุฒิไปจากเธอ
และคราวนี้เธอรู้สึกเหมือนได้ล้างแค้น เธอรู้สึกสะใจเหลือเกิน เธอต้องการเห็นแม่ลูกคู่นี้ได้รับความเจ็บปวดเหมือนที่เธอเคยเจ็บปวดยามมองคนที่ตัวเองรักไปแต่งงานกับผู้หญิงอื่น
เมธาวีเห็นว่าผู้เป็นพ่อเริ่มหอบเพราะตบตีเธอจนเหนื่อย
เธอจึงอาศัยจังหวะนี้ สะบัดแขนให้หลุดจากธีรวุฒิ แล้วรีบวิ่งขึ้นบันไดไป ทว่า...
"กรี๊ดด!!!"
ทุกคนหันไปตามเสียงกรีดร้อง และได้เห็นร่างของเมธาวีร่วงลงจากบันไดสู่พื้นเบื้องล่าง
ธีรวุฒินั่งอยู่บนเก้าอี้ ข้างๆ
เตียงผู้ป่วยที่มีร่างของเมธาวีนอนไม่ได้สติอยู่
เขานั่งอยู่ตรงนี้มาตลอดตั้งแต่เมธาวีถูกย้ายจากห้อง ICU ไม่ว่าใครจะพูดยังไง เขาก็ยืนยันที่จะนั่งตรงนี้
เหมือนกับพยายามชดเชยความผิดที่เขาไม่ได้เอาใจใส่เมธาวีเท่าที่ควร
เขาคงเป็นพ่อที่แย่มาก ที่ไม่เคยดูแลลูกคนนี้เลย
ตั้งแต่มาถึงโรงพยาบาล
เขาต้องกรอกประวัติผู้ป่วยของเมธาวี วินาทีนั้นมันทำให้เขารู้ว่า
เขาละเลยลูกสาวคนนี้ขนาดไหน เขากรอกได้แค่ชื่อ และที่อยู่เท่านั้น ส่วนวันเกิด
อายุ ยาที่แพ้ และอื่นๆ เขากลับเขียนลงไปไม่ได้เลยสักอย่าง มันทำให้เขารู้สึกแย่ที่ไม่เคยสนใจที่จะรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเมธาวีเลย
ถูกอย่างที่ลูกสาวเขาพูด
เขาไม่ได้ใส่ใจเธอเลย
"น้ำ....น้ำ"
เมธาวีละเมอด้วยน้ำเสียงที่แห้งผาก ธีรวุฒิรีบไปเอาน้ำ แล้วค่อยๆ
ป้อนให้เมธาวีดื่ม
"วี...รู้สึกตัวแล้วเหรอลูก
เป็นยังไงบ้าง"
"เจ็บ...วีเจ็บจังเลยพ่อ"
น้ำเสียงของเมธาวีเบาเหมือนคนหมดแรง
ธีรวุฒิรู้สึกผิดขึ้นมาทันที
เขาเป็นคนทำให้ลูกต้องเจ็บ เขาเป็นคนทำร้ายตบตีลูกสาวด้วยมือของเขาเอง
"ไม่เป็นไรแล้วลูก ไม่เป็นไร
เดี๋ยวก็หาย วีพักผ่อนเถอะนะ" ธีรวุฒิลูบหัวเมธาวีอย่างอ่อนโยน
พยายามปลอบประโลมให้เมธาวีรู้สึกดีขึ้น จนเธอผลอยหลับไปอีกครั้ง
โดยมีธีรวุฒิคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่าง
อรวีเห็นสามีของตนนั่งเฝ้าลูกเลี้ยงไม่ยอมห่าง
ไม่ว่าเธอจะพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาหยุดแล้วพักผ่อนเพียงใด ก็ไร้ผล
เธอยอมรับว่าเธอไม่ชอบเมธาวี ก็ในเมื่อเมธาวีเป็นลูกของผู้หญิงที่แย่งชายที่เธอรักไป
จะให้เธอชอบเมธาวีลงได้อย่างไร เธอทำไม่ได้จริงๆ
แต่ตอนนี้เธอห่วงผู้เป็นสามีมากกว่า เขาหักโหมเฝ้าเมธาวีตลอดโดยไม่ดูแลตัวเอง
เธอกลัวว่าเขาจะทรุดลงไปด้วยอีกคน
เมธาวีตื่นขึ้นมาในตอนสายของอีกวันหนึ่ง
เธอเห็นธีรวุฒินั่งอยู่ข้างๆ แววตาที่พ่อมองมาที่เธอ มันดูอบอุ่นเหลือเกิน
"พ่อ"
"วีเป็นยังบ้างลูก
เจ็บมากไหม" เมธาวีพยักหน้าแทนคำตอบ
"พ่อ ทำไมวีอยู่นี่ได้"
"...." ธีรวุฒิอ้ำอึ้งไป
เขาไม่รู้จะตอบลูกยังไง ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน
สติของเมธาวีเริ่มกลับมาทีละน้อย
ความทรงจำที่เจ็บปวดเริ่มหลั่งไหลเข้ามาสู่สมองอย่างไม่ขาดสาย
เมธาวีรีบเราเอามือจับหน้าท้อง หวังว่าเลือดเนื้อเชื้อไขยังคงอยู่ในตัวเธอ
แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอไม่อาจรู้ได้เลย
เมธาวีหันไปมองหน้าผู้เป็นพ่อ
สีหน้าของพ่อช่างดูเหนื่อยล้าเหลือเกิน
"พ่อ...ลูก...ลูกของวีล่ะพ่อ"
ธีรวุฒิพยายามหลบสายตา "พ่อ พ่อบอกวีสิ ลูกวีล่ะพ่อ เขายังอยู่ใช่ไหม"
ธีรวุฒิส่ายหน้าช้าๆ
เขาไม่กล้าพูดออกมา
'ไม่อยู่แล้ว' เมธาวีไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรมากมาย
เธอรู้สึกใจหายกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากกว่า มันรวดเร็วเกินไป พอรู้ว่าตัวท้อง
แต่อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เธอก็ต้องมารับรู้ว่าเธอเสียเขาไปแล้ว
ยังไม่ทันที่จะรู้สึกผูกพันกันเลยด้วยซ้ำ
แต่จู่ๆ น้ำตากลับไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
เมธาวีนั่งนิ่งอยู่นานไม่มีเสียงสะอึกสะอื้นใดๆ
มีแต่เพียงน้ำตาเท่านั้นที่ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย
...ถึงแม้ว่าเด็กในท้องจะเกิดขึ้นจากความผิดพลาด
ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่ได้รู้สึกผูกพันกับเขาเท่าใดนัก แต่เธอก็อยากจะให้เขาเกิดมา
เธอไม่เคยมีความคิดว่าจะทำแท้งเอาเขาออกแม้แต่น้อย
แต่ไม่นึกเลยว่าผลสุดท้ายเธอจะไม่สามารถให้กำเนิดเขาได้
เมธาวีหลับตาลงพักผ่อน
ตอนนี้เรื่องทุกอย่างได้จบลงแล้ว เธอเสียลูกไปแล้ว
เรื่องระหว่างเธอกับราเมศร์ก็ไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้อง ไม่มีอะไรต้องผูกพันกันอีก
ในเมื่อปัญหาทุกอย่างให้หมดสิ้นไปแล้ว ตอนนี้เธอขอพักหน่อยเถอะ
เธอเหนื่อยเหลือเกิน
เมธาวีอยู่โรงพยาบาลต่ออีกหลายวัน
กว่าจะสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ เธอและดูเงียบลงจนคนอื่นๆ สังเกตได้
เธอไม่ค่อยพูด กลายเป็นคนเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง
ตอนนี้ภายในใจเธอมันสับสนไปหมด
เธอไม่รู้จะทำยังไงดี ไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อไป
ถึงแม้ว่าเธออยากจะปล่อยให้เรื่องคราวนี้มันผ่านไปโดยไม่ต้องคิดอะไร แต่มันก็ทำไม่ได้
ในหัวคอยคิดแต่ว่า ทำไม ทำไม ทำไม ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทำไมราเมศร์ถึงเลือกที่จะทิ้งเธอไป
ทำไม เพราะอะไร เขาไม่รักเธอเลยเหรอ เธอทำอะไรผิด เธออยากโกรธเขา อยากแค้นเขา
ที่เขาทิ้งเธอไป แต่ก็ทำไม่ได้ เธอรักเขาเหลือเกิน
แต่ในเมื่อเธอรักเขาได้
เธอก็ต้องเลิกรักเขาได้ เธอจะไม่คิดถึงเขาอีก เธอจะไม่ไปเห็นหน้าเขาอีก สักวัน
เธอต้องลืมเขาได้แน่
"ฉันจะลืมเขา"
เมธาวีตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
เมธาวีลุกขึ้นแต่งตัวและมุ่งหน้าสู่เทวากรุ๊ป
เธอยื่นใบลาออกให้ฝ่ายบุคคล และเดินออกมาโดยไม่ร่ำลาใครทั้งสิ้น
และไม่คิดจะหันหลังกลับไปมองมันอีกครั้ง
...ลาก่อน จบสิ้นกันเสียที
ทีนี้เราก็ไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีก
...เธอจะลืมเขา ลืมเขาให้หมดจากใจ
"ไอ้วี วันนี้มาแปลก
ทำไมมาถึงที่บริษัทได้วะเนี่ย" หลังจากยื่นใบลาออกจากเทวากรุ๊ป
เมธาวีก็เดินทางมาหาอัครพลที่บริษัท
บริษัทที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน
ด้วยการบริหารงานและจัดการของอัครพลทำให้อะไรหลายๆ อย่างเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว
"ฉันจะมาลาแก"
"ลา?... แกจะไปไหน"
"ยังไม่รู้..
แต่กะว่าจะไปต่างประเทศ ฉันอยากไปไกลๆ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปไหน
คิดว่าอาจจะเริ่มจากที่ใกล้ๆ ก่อน"
"แล้วแกจะกลับเมื่อไหร่"
อัครพลเพิ่งสังเกตเห็นว่าเมธาวีดูซูบเซียวไปมาก น้ำเสียงก็เหมือนคนหมดแรงเต็มทน
แววตาแห้งผากเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า และอ่อนแรง
เขาไม่อยากเซ้าซี้เธอมากจึงไม่ถามเหตุผลที่เมธาวีจะไป
"ไม่มีกำหนดกลับ ฉันแค่อยากพักผ่อน ฉันขอโทษนะแกที่ไปช่วงนี้
ช่วงที่บริษัทกำลังยุ่งๆ แต่ฉัน...ฉันจะไม่ไหวแล้ว"
น้ำตาที่พยายามเก็บกักในหลายวันพลันพังทลาย
อัครพลกอดเมธาวี เขากอดเธอไว้แน่น
"แกยังมีฉันเว้ย ฉันเป็นเพื่อนแก
ฉันจะอยู่ข้างแกเสมอ ฉันไม่รู้ว่าทำไมแกถึงเป็นอย่างนี้ แต่ถ้าแกอยากพักผ่อนแกก็ไปพักผ่อนให้สบายใจเถอะ
แล้วค่อยกลับมา" ถึงเขาจะไม่รู้เหตุผลที่เมธาวีไป
แต่เขาก็รู้ว่ามันคงดีถ้าเธอจะพักผ่อนในเวลาอย่างนี้
เมธาวีกอดอัครพลตอบ เธอโชคดีเหลือเกินที่มีอัครพลเป็นเพื่อน
ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนเพื่อนน้อย แต่เธอก็มีอัครพล เพื่อนที่แสนดีคนนี้
คนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ
"ขอบใจนะแก
ยังไงฉันจะติดต่อมาแล้วกัน แล้วในระหว่างที่ฉันไม่อยู่ ฉันจะฝากเรื่องไว้กับลุงสมพงษ์นะ
มีอะไรแกก็ปรึกษาลุงสมพงษ์แล้วกัน" เมธาวีพูดถึงลุงสมพงษ์ ทนายประจำตระกูลพิพัฒนกุล
และผู้ดูแลทรัพย์สินมรดกของเธอตั้งแต่แม่เธอเสีย
"แล้วแกอย่าลืมติดต่อมานะ"
ในวันที่เมธาวีออกเดินทาง
เธอไปยังสนามบินเพียงลำพังเท่านั้นโดยไม่มีใครมาส่ง ธีรวุฒิผู้เป็นพ่อติดงานกระทันหันจนไม่สามารถมาส่งเธอได้
นางศรีใจต้องอยู่เฝ้าบ้านไม่สามารถมาส่งเธอได้
แต่นางศรีใจก็ได้ช่วยเธอจัดเตรียมเสื้อผ้าข้าวของในครั้งนี้
และก่อนออกบ้านเธอก็ได้ร่ำลานางศรีใจ น้ำฝน และลุงสมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"หนูวี สบายใจเมื่อไหร่ก็กลับมานะ
ป้าจะคอย"
"ค่ะป้า"
เมธาวีสวมกอดนางศรีใจก่อนจะขึ้นแท็กซี่ตรงมายังสนามบิน
อดีตทิ้งไว้ข้างหลัง
ต่อไปนี้เธอจะก้าวไปข้างหน้า เธอจะมีชีวิตใหม่ ถึงแม้ว่าชีวิตเธอจะไม่มีราเมศร์
เธอก็จะก้าวต่อไปให้ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น